BYD Sealion 7 รถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้าล้วนในพิกัด C-Segment เปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ ในงาน Motor Expo ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ #ทีมขับซ่า มีโอกาสได้ทดลองสมรรถนะของ BYD Sealion 7 ในรูปแบบ One Day Trip ซึ่งก็พอจะได้ข้อมูลในหลากหลายแง่มุม โดยเฉพาะตัวเลขที่เก็บข้อมูลด้วยเครื่องมือ VBox Sport ทั้งในส่วนอัตราเร่ง ระยะเบรก รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองของรถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้าสมรรถนะไม่ธรรมดาคันนี้
ความน่าสนใจของ BYD Sealion 7 คือ เซ็ตติ้งที่แอบใส่ความหรูหราเข้าไปให้เหนือชั้นกว่า รุ่นที่ออกมาก่อนอย่าง BYD Sealion 6 ไปอีกขั้น โดยความแตกต่างไม่ใช่แค่เรื่องขุมกำลังที่มาในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด vs ไฟฟ้าล้วน แต่เริ่มตั้งแต่มิติตัวถังที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน โดย BYD Sealion 7 มีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,930 มม. ในขณะเดียวกัน ตัวเลขของ BYD Sealion 6 อยู่ที่เพียง 2,765 มม. เท่านั้น ซึ่งด้วยส่วนต่างที่มากถึง 165 มม. ส่งให้ BYD Sealion 7 มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าตั้งแต่หัวจรดท้าย โดยในด้านหลังมีพื้นที่สัมภาระมากถึง 500 ลิตร (BYD Sealion 6 อยู่ที่ 425 ลิตร) อีกทั้งยังมีพื้นที่สัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 58 ลิตร มาเป็นของแถม (ในขณะที่ BYD Sealion 6 ไม่มี เพราะเป็นที่อยู่ของเครื่องยนต์) ในส่วนของเครื่องเคียง BYD Sealion 7 มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว โอบรัดด้วยยาง 245/45 R20 สำหรับรุ่น AWD Performance ส่วน BYD Sealion 6 มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว จับคู่ยาง 235/50 R19
อีกจุดที่เป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง BYD Sealion 7 และ BYD Sealion 6 ก็คือ การเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ในรุ่น 7 จะมาพร้อมหนัง Nappa ที่ให้สัมผัสที่ชวนหลงใหลกว่าหนังสังเคราะห์ในรุ่น 6 อีกทั้งในส่วนของเบาะนั่ง ยังเพิ่มความหลากหลายในการปรับ ด้วยระบบปรับไฟฟ้า 8 + 2 ทิศทาง พร้อมดันหลัง 4 ทิศทาง สำหรับผู้ขับขี่ และปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า (ใน BYD Sealion 6 เป็นปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง สำหรับผู้ขับขี่ และ 4 ทิศทาง สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า) ระบบเสียงใน BYD Sealion 7 ใช้ชุดเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จาก Dynaudio พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ส่วนใน BYD Sealion 6 มาพร้อมระบบเสียงจาก Infinity พร้อมลำโพง 9 ตำแหน่ง ซึ่งที่กล่าวมา คือ ความแตกต่างคร่าวๆ ซึ่งยังไม่ได้รวมไปถึงระบบขับเคลื่อน และฟัลลิ่งการตอบสนองของการเซ็ตช่วงล่างที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้ทั้งนั้น…ควรต้องไปลองด้วยตัวเอง หากกำลังตัดสินใจเลือกระหว่าง 2 รุ่นนี้ ซึ่งเชื่อว่าใครที่ได้ลอง ก็จะรู้สึกถึงความแตกต่างของระดับความละเอียดในการเซ็ตติ้งช่วงล่าง รวมถึงฟีลลิ่งการขับขี่ได้ในทันที
อัตราเร่ง BYD Sealion 7
อัตราเร่ง (วินาที) | BYD Sealion 7 |
0-40 กม./ชม. | 1.49 |
0-60 กม./ชม. | 2.26 |
0-80 กม./ชม. | 3.14 |
0-100 กม./ชม. | 4.33 |
0-120 กม./ชม. | 5.94 |
0-140 กม./ชม. | 8.05 |
0-160 กม./ชม. | 10.69 |
60-80 กม./ชม. | 0.88 |
80-120 กม./ชม. | 2.79 |
100-120 กม./ชม. | 1.60 |
ควอเตอร์ไมล์ | 12.94 วินาที @ 172.1 กม./ชม. |
ทำตลาดใน 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น Premium ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 230 kW หรือ 308 แรงม้า กับแรงบิด 380 นิวตัน-เมตร เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 6.7 วินาที ส่วนในรุ่น AWD Performance (ซึ่งเป็นรุ่นที่ #ทีมขับซ่า ได้ทดลองขับ) จะมาพร้อมกำลังขับเคลื่อนรวม 390 kW หรือราว 523 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 690 นิวตัน-เมตร เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 4.5 วินาที ตามป้าย Badge ที่แปะไว้ท้ายรถ สำหรับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ BYD Sealion 7 ให้ความนุ่มนวล และปลดปล่อยพละกำลังได้อย่างสุขุม ตามน้ำหนักที่ใช้กับคันเร่ง ซึ่งหากขับใช้งานปกติ แล้วไม่บอกว่านี่คือ รถที่มีกำลังกว่า 500 แรงม้า อาจจะไม่ได้รู้สึกว่ารถคันนี้มีพิษสงเท่าใดนัก แต่ในทางตรงข้าม…หากกดคันเร่งแบบจุ่มเต็มแรง ฝูงม้ากว่าทั้งหมด ก็พร้อมที่จะสำแดงเดชออกมาภายในเวลาชั่วพริบตาเช่นกัน
สิ่งที่น่าชื่นชมในความเป็น BYD ที่ทำได้ในทุกรุ่นที่นำเสนอ คือ ความ “ตรงปก” ซึ่งสำหรับ BYD Sealion 7 ก็เช่นกัน ตัวเลขอัตราเร่งที่เคลมเอาไว้ หลังจาก #ทีมขับซ่า ได้ทดลองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง ผลเฉลี่ยออกมาที่ การทำความเร็วจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ทำได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.33 วินาที โดยสามารถแสดงพลังได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ช่วงออกตัว นอกจากนี้…ด้วยพละกำลังระดับกว่า 500 แรงม้า ช่วยส่งให้ BYD Sealion 7 สามารถทำอัตราเร่งในทุกช่วงความเร็วได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถทำเวลาในการวิ่งผ่านระยะ 402 ม. หรือ Quarter Mile ได้ในเวลาต่ำกว่า 13 วินาที ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ถือเป็นตัวเลขสมรรถนะที่ค่อนข้างจะ “เกินมือ” สำหรับผู้ที่ยังมีชั่วโมงบินในการขับขี่ค่อนข้างน้อยไปไกลแล้ว ดังนั้น…การจะเริ่มต้นด้วยรุ่น Premium สำหรับมือใหม่ที่อยากลองรถไฟฟ้าออพชั่นครบในงบนี้ จึงดูเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสมและปลอดภัยได้มากกว่า
ระยะเบรก BYD Sealion 7
ความเร็ว (กม./ชม.) | BYD | Sealion 7 |
ระยะเบรก (เมตร) | เวลา (วินาที) | |
120 – 0 | 60.08 | 3.78 |
100 – 0 | 41.79 | 3.10 |
80 – 0 | 26.11 | 2.53 |
60 – 0 | 14.59 | 1.88 |
40 – 0 | 6.65 | 1.28 |
ความน่าชื่นชมของ BYD Sealion 7 คือ การเซ็ตช่วงล่างที่อารมณ์ความสุขุม ดูแพง มีความละเอียดในการแสดงอาการ หรือมีความหนึบที่ช่วยดูดซับอาการสะเทือนสะท้าน เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ต่างๆ เช่น ลอน รอยต่อถนน หลุม คอสะพาน หรือสิ่งกีดขวาง ซึ่งต่างจากฟีลลิ่งการตอบสนองของ BYD Sealion 6 ที่ยังคงรู้สึกได้ถึงเซ็ตติ้งที่อาจจะดูไม่แย่ แต่ขาดความละเอียดในการใช้งาน ชนิดที่ว่า…ไม่สามารถเทียบกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อควรระวังของรถที่มีสมรรถนะสูงเช่นนี้ นอกจากผู้ขับขี่จะต้องมีทักษะที่จะควบคุมแรงม้ากว่า 500 ตัว ให้อยู่ในมือแล้ว ยังควรจะต้องรู้เท่าทั้นของศักยภาพตัวรถ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัย ซึ่งแม้ว่า BYD Sealion 7 จะมาพร้อมชุดคาลิเปอร์หน้าแบบ 4 POT สีแดง แต่นั่นอาจไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า รถคันนี้…จะสามารถทำตัวเลขระยะเบรกได้ดีเท่าใดนัก โดยตัวเลขจากที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จนหยุดนิ่ง BYD Sealion 7 ทำตัวเลขออกมาได้ที่ 41.79 ม. ซึ่งถือเป็นระยะที่ค่อนข้างมาก (เฉลี่ยสำหรับรถที่มีสมรรถนะสูง อยู่ที่ประมาณ 36 ม.) โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถที่มีสมรรถนะสูง ดังนั้นในทุกการขับขี่ จึงควรเผื่อระยะเพื่อความปลอดภัย
อัตราสิ้นเปลือง BYD Sealion 7
อัตราสิ้นเปลือง (kW/100 กม.) | ในเมือง | นอกเมือง | อัตราสิ้นเปลืองรวม | |||
Eco Sticker | จริง | Eco Sticker | จริง | Eco Sticker | จริง | |
BYD Sealion 7 | – | 16.8 | – | 20.9 | 17.9 | 18.8 |
* วิ่งในเมืองความเร็วเฉลี่ย 28-32 กม./ชม.
** วิ่งนอกเมืองใช้ความเร็วอยู่ในช่วง 100 – 115 กม./ชม.
สำหรับการทดลองอัตราสิ้นเปลืองในครั้งนี้ #ทีมขับซ่า เดินทางในสถานการณ์จริง โดยการจับอัตราสิ้นเปลืองนอกเมืองตั้งแต่ อ.หัวหิน – อ.เขาย้อย จะใช้ความเร็วอยู่ในช่วง 100 ไม่เกิน 115 กม./ชม. ซึ่งตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่แสดงบนหน้าจอของ BYD Sealion 7 อยู่ที่ 20.9 kw/100 กม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองจำลองการขับขี่ในเมือง เริ่มจับตั้งแต่ช่วงมหาชัย – เซ็นทรัล ลาดพร้าว ความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 32 กม./ชม. ได้ตัวเลขออกมาที่ 16.8 kw/100 กม. ซึ่งเมื่อเอาตัวเลขทั้ง 2 มาคำนวนรวมกันแล้ว จะได้อัตราสิ้นเปลืองรวมอยู่ที่ประมาณ 18.8 kw/100 กม. และหากนำตัวเลขที่ได้ ไปคำนวนต่อกับความจุแบตเตอรี่ 82.5 kWh เท่ากับว่า ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จะสามารถวิ่งได้ในระยะทางประมาณ 439 กม. ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น…ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้
ในภาพรวม BYD Sealion 7 จัดว่าเป็นหนึ่งในรถที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัวในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านความอเนกประสงค์, ความหรูหรา, สมรรถนะ รวมถึงการตอบสนองของช่วงล่างที่ผสานระหว่างความนุ่มนวลและประสิทธิภาพได้อย่างลงตัว กับราคา 1,149,900 บาท ในรุ่น Premium และ 1,249,900 บาท สำหรับรุ่น AWD Performance คือ พูดได้แบบเต็มปาก ว่าเป็นระดับราคาที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับรถที่ตอบโจทย์ในทุกๆ ด้านแบบนี้ อย่างไรก็ตาม…แม้ว่าราคาที่ประกาศออกมา จะเป็นราคาช่วงโปรโมชั่น แต่ก็เชื่อว่า ผู้บริโภคหลายๆ คน น่าพอเคยได้เห็นแนวทางในการปรับราคาของผู้จำหน่ายแบรนด์นี้กันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง หากไม่มีความจำเป็นว่าต้องรีบซื้อ รีบใช้ ลองรอให้เวลาผ่านไปสัก 3 เดือน 5 เดือน หรือ 1 ปี ดูก่อน เชื่อว่า…ราคาที่ทุกท่านจะได้เห็น อาจจะไม่ใช่ตัวเลขเดียวกับที่ได้เห็น ณ เวลานี้ ก็เป็นได้