Home » BYD Sealion 6 DM-i กับผลสื่อฯ แข่งประหยัด 28.73 กม./ลิตร ขับใช้งานจริง…ทำได้ไหม ?

BYD Sealion 6 DM-i กับผลสื่อฯ แข่งประหยัด 28.73 กม./ลิตร ขับใช้งานจริง…ทำได้ไหม ?

by Admin clubza.tv
BYD

BYD หนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่ผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายที่สุดในประเทศไทยช่วง 1-2 ปีนี้ ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ กับการพิสูจน์สมรรถนะการขับขี่ระยะไกลของ BYD Sealion 6 DM-i รถอเนกประสงค์รูปแบบปลั๊กอินไฮบริดในกลุ่ม C-Segment SUV โดยสามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองได้ถึง 28.73 กม./ลิตร บนเส้นทางการทดสอบกว่า 280 กม. ซึ่งถือเป็นตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงที่ดูดีเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรถในกลุ่ม C-Segment SUV ที่มีมิติตัวถังค่อนข้างใหญ่ และพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

BYD Sealion 6 DM-i Premium ราคาล่าสุด 1,069,900 บาท

สำหรับทริปการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองดังกล่าว ทาง #ทีมขับซ่า เป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อมวลชนที่ได้ร่วมการทดสอบด้วยเช่นกัน โดยตัวเลขดังกล่าวนั้น ตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิง 28.73 กม./ลิตร เป็นตัวเลขที่ได้จากการทดสอบเป็นตัวเลขที่ได้จากการเดินทางจริง บนเส้นทาง กรุงเทพฯ มุ่งหน้าตัวเมือง จ.ประจวบคีรีขัน และกลับมายังจุดหมายที่ อ.ปราณบุรี รวมระยะทางไม่น้อยกว่า 280 กม. ตามจุดหมายที่กำหนด ที่ทางผู้จัดวางไว้ โดยรถทดสอบคันที่ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 28.73 กม./ลิตร ได้ ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (ราคาลิตรละ 36.26 บาท) ไปทั้งสิ้น 9.85 ลิตร (357.2 บาท) กับระยะทางรวม 283 กม.

28.73 กม./ลิตร ทำได้จริง ! แต่…อาจไม่ใช่กับเงื่อนไขการขับขี่แบบปกติ

แต่อย่างไรก็ตาม…เชื่อว่ายังมีผู้ใช้หลายท่าน ที่ยังคงเกิดข้อสงสัยว่า ในความเป็นจริงแล้ว หากนำไปใช้งานในสภาวะปกติ อัตราสิ้นเปลืองดังกล่าว สามารถทำได้จริงหรือไม่ ? งานนี้ #ทีมขับซ่า จะมาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับรูปแบบการทดสอบ พร้อมทั้งแนะนำเทคนิคการขับขี่ BYD Sealion 6 DM-i ให้มีค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานต่ำที่สุด เพื่อเป็นแนวทางในการนำไปใช้งานในชีวิตจริงอย่างคุ้มค่าและประหยัดค่าใช้งานมากที่สุด

BYD Sealion 6 DM-i จำนวน 15 คัน ร่วมการทดสอบหาอัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดในระยะทาง 280 กม.

ในการทดลองขับขี่ BYD Sealion 6 DM-i ครั้งนี้

ทาง BYD จัดรถทดสอบมาทั้งสิ้น 15 คัน (นั่งคันละ 2 สื่อ หรือ 2 คน) โดยแต่ละคันจะจับฉลากเพื่อเลือกหมายเลขรถแบบไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งในรถทดสอบแต่ละคันนั้น จะใช้คอนดิชั่นเดียวกัน คือ เติมลมยาง 36 ปอนด์ และเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 24 องศาเซลเซียส และใช้แรงลมเบอร์ 3 ตลอดการเดินทาง สิ่งที่จะต่างไปเล็กน้อย ตามคอนดิชั่นการใช้งานที่ผ่านมาของรถแต่ละคัน คือ ปริมาณไฟในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ที่จะมีอยู่ตั้งแต่ 28-31% ที่จุดออกตัว ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว (ผู้จัดไม่ได้ชาร์จไว้ให้แบบเต็ม 100% เนื่องจากปริมาณไฟในแบตเตอรี่ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการชาเลนจ์ของการทดสอบในครั้งนี้) ออกเดินทางด้วยน้ำมันเต็มถัง ก่อนที่จะแวะเติมน้ำมัน 1 ครั้ง ที่ปั๊ม ปตท. พระราม 2 (ซึ่ง…ยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการแวะเติมในครั้งนี้) ก่อนจะไปเริ่มกิจกรรมการทดสอบอัตราสิ้นเปลือง ณ ปั๊มบางจาก เรส แอเรีย แม่กลอง (พระราม 2 กม. 79) โดยแต่ละคันจะถูกเติมน้ำมันจนถึงคอถัง พร้อมซีลฝาถัง ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ

ในช่วงก่อนการวัดผล…การเก็บไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด ถือเป็นหัวใจของการวัดอัตราสิ้นเปลืองในครั้งนี้

ทริคหนึ่งของการเดินทางในครั้งนี้ (ซึ่งไม่ได้ระบุ หรือเป็นข้อห้ามในกติกาการทดสอบ) คือ

BYD Sealion 6 DM-i จะมีระบบการบริหารจัดการพลังงาน ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการใช้งานได้ว่า จะเลือกขับขี่ในรูปแบบ EV (ไฟฟ้าล้วน) หรือ HEV (ไฮบริด) ซึ่งในเมนูย่อยบนหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว จะเลือกตั้งค่าการชาร์จไฟโดยใช้เครื่องยนต์เป็นตัวปั่นไฟขณะเดินทางได้สูงสุดถึง 70% (100% ตามสเป็ค เคลมตัวเลขการเดินทางด้วย EV Mode จากแบตเตอรี่ขนาด 18.3 kWh ไว้ที่ 104 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งการใช้งานจริง อาจป้วนเปี้ยนอยู่ราวๆ 70 กม. ขึ้นอยู่กับรูปแบบการขับขี่) แน่นอนว่า…เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการทดสอบมากที่สุด ในช่วงเดินทางที่ยังไม่เริ่มการวัดอัตราสิ้นเปลือง #ทีมขับซ่า จึงเลือกที่จะชาร์จและสะสมปริมาณไฟในแบตเตอรี่ของ BYD Sealion 6 DM-i ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเมื่อเดินทางมาจนถึง ปั๊มบางจาก เรส แอเรีย แม่กลอง (ระยะทางจากจุดออกตัวประมาณ 100 กม.) สะสมไฟมาได้ถึง 69% (หลายคันที่ร่วมการทดสอบ มีไฟก่อนเริ่มอยู่ในระดับ 70% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่สะสมได้เช่นกัน) โดยระยะทาง 280 กม. ที่กำหนด ผู้จัดจะให้เวลาอยู่ที่ 300 นาที หรือคิดเป็น 1.07 นาที ต่อ 1 กม. พูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือ ใช้ความเดินทางประมาณ 75-80 กม./ชม. (เพื่อมีบางช่วงที่ต้องเข้าเมือง หรือสภาพการจราจรไม่เป็นใจ) เพื่อให้ได้เร็วเฉลี่ยตลอดการทดสอบประมาณ 60 กม.

น้ำมันเต็มถึงคอถัง พร้อมซีลฝา ก่อนการทดสอบที่ปั๊มบางจาก เรสแอเรีย แม่กลอง

ความตั้งใจในการทดสอบของ #ทีมขับซ่า และสื่อที่ร่วมทดสอบในคันเดียวกัน คือ เน้นเข้าร่วม…ไม่เน้นเข้ารอบ ดังนั้นจึงมีการแบ่งช่วงเส้นทางการขับขี่ ให้ทั้งคู่ได้รู้สึกมีส่วนร่วมกับการชาเลนจ์อัตราสิ้นเปลือง (โดยปกติ…หากต้องการทำตัวเลขแบบหวังผลจริงๆ ส่วนใหญ่จะนิยมการใช้ผู้ขับขี่เพียงคนเดียว หรือผู้ที่มีสกิลในการขับขี่เฉพาะทางที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ตัวเลขที่ออกมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด) ซึ่งด้วยปริมาณไฟในแบตเตอรี่ที่ยังมีมากอยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้ว่าจะเลือกใช้โหมดการขับขี่ในรูปแบบ HEV เพื่อให้ BYD Sealion 6 DM-i บริหารการใช้พลังงานอย่างเหมาะสม แต่ตัวรถยังคงเลือกที่จะขับเคลื่อนด้วยรูปแบบ EV เป็นหลัก ด้วยกำลังของมอเตอร์ที่สูงถึง 218 แรงม้า กับแรงบิด 300 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นแรงบิดในระดับสูงสุดที่ BYD Sealion 6 DM-i ทำได้ เดินทางด้วยความเร็วประมาณ 75 กม./ชม. จนเกือบถึง อ.ท่ายาง (ประมาณ 50 กม. หลังจากเริ่มการทดสอบ) ระดับของแบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 30% เครื่องยนต์จึงเริ่มติดเพื่อปั่นไฟ และผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบไฮบริด เครื่องยนต์ทำงานเพื่อขับเคลื่อน พร้อมทั้งปั่นไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ตัดสลับตามคอนดิชั่นที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับหลากหลายเงื่อนไข ทั้งความเร็ว, โหลดความต้องการของพลังงาน รวมถึงสภาพเส้นทางที่มีเนินสลับขึ้น-ลง เป็นระยะ ซึ่ง ณ จุดนี้เอง ถือเป็นการเริ่มใช้เชื้อเพลิงในรูปแบบน้ำมันอย่างจริงจัง ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ยบนหน้าจอแสดงผลการขับขี่ของ BYD Sealion 6 DM-i แสดงอยู่ที่ 4.3 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 23.2 กม./ลิตร

เสียเวลาในตัวเมืองประจวบฯ ไปหลายนาที งานนี้พอถึงสามร้อยยอดเลยต้องหวด

หลังจากที่ทำงานในรูปแบบไฮบริดมาแบบยาวๆ ในช่วงเข้าตัวเมืองประจวบฯ มอเตอร์ไฟฟ้าของ BYD Sealion 6 DM-i เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอีกครั้ง โดยที่ช่วงความเร็วไม่เกิน 60 กม. จะวิ่งในรูปแบบ EV เป็นหลัก (แม้จะเปิดโหมด HEV ไว้) โดยดึงไฟจาก Blade Battery ออกมาใช้ จนระดับพลังงานลดลงมาอยู่ที่ 24-25% ซึ่งรถคันที่เราทดสอบ ใช้เวลาอยู่ในเมืองพอสมควร เนื่องจากทีมงานที่วางเส้นทาง ได้พล็อตจุดมาร์คที่ไม่จำเป็นต้องเข้าเพิ่มไว้ในแผนที่ ส่งผลต่อระยะทางที่เพิ่มขึ้นมาอีกราว 10 กม. (บวกกับเวลาอีกอย่างน้อย 15 นาที) ส่งผลให้ในช่วงขากลับจากเมืองประจวบ มุ่งหน้าอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด และไปสิ้นสุดที่ อ.ปราณบุรี #ทีมขับซ่า ต้องเพิ่มความเร็วปริ่มๆ 90 กม./ชม. เพื่อตีคืนเวลาขึ้นมาเล็กน้อย ส่งผลให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองบนหน้าจอแสดงผลการขับขี่ของ BYD Sealion 6 DM-i ขยับขึ้นมาสูงสุดถึง 6.5 ลิตร/100 กม. หรือคิดเป็น 15.3 กม./ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดูจะสะท้อนความเป็นจริงได้ชัดเจนเมื่อเครื่องยนต์ติดขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนและปั่นไฟตลอดช่วง และเมื่อมั่นใจว่ามีเวลาเหลือเพียงพอที่จะถึงจุดหมายภายในเวลาที่กำหนด ผู้ขับขี่จาก #ทีมขับซ่า จึงเลือกที่จะปรับระดับความเร็วเพื่อที่จะลดการใช้น้ำมันอีกครั้ง โดยในช่วง 10 กม. สุดท้าย ความเร็วที่ใช้ป้วนเปี้ยนอยู่ไม่เกิน 60 กม./ชม. ซึ่งเป็นช่วงที่ BYD Sealion 6 DM-i กลับมาขับเคลื่อนด้วย EV Mode อีกครั้ง จนถึงจุดหมายที่ปั๊มบางจาก อ.ปราณบุรี ก่อนที่จะหมดเวลาเพียง 2 นาที

ปริมาณน้ำมันที่ใช้ไป กับระยะทาง 292 กม. ตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง 26.76 กม./ลิตร ถือว่าหรูแล้ว…สำหรับการขับขี่แบบเน้นเข้าร่วม

ส่วนที่เห็นต่ำกว่า 20 กม./ลิตร ลงมา คือ กลุ่มที่ไม่ได้ชาร์จไฟเก็บตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง หรือตัวเลขแห่งความเป็นจริง ในการใช้ไฮบริดโหมดล้วนๆ นั่นเอง

ผลประกอบการของ #ทีมขับซ๋า (รถหมายเลข 5 ในภาพ) ในการเดินทางด้วย BYD Sealion 6 DM-i บนความเร็วและรูปแบบการขับขี่ที่ต่ำกว่ามาตรฐานการใช้งานในชีวิตประจำวันครั้งนี้ จบทริปด้วยระยะทาง 292 กม. (ใช้ไฟฟ้าเพียวๆ ทุ่นการใช้น้ำมันไปราว 50 กม.) กับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สโซฮอล 95 ไป 10.91 ลิตร เมื่อนำตัวเลขทั้ง 2 มาคำนวน จะมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 26.73 กม./ลิตร ซึ่งเมื่อมองภาพรวมเทียบกับรถไฮบริดขับเคลื่อนล้อหน้า พิกัด C-Segment SUV ค่ายญี่ปุ่น ขับในลักษณะใกล้เคียงกัน ถือว่ามีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ในระดับที่ไม่ต่างกันมากนัก แม้ว่า BYD Sealion 6 DM-i จะมีแบตเตอรี่ไฮบริดที่ขนาดใหญ่กว่าเกือบ 18 เท่า เป็นตัวช่วยแล้วก็ตาม

ใช้งานในเมือง ระยะทางไม่มาก การชาร์จไฟบ้านทุกวัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างน้อยๆ คือ 1 ใน 3

แต่อย่างไรก็ตาม ที่เป็นรถในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ยังมีทางเลือกให้สามารถวางแผนการใช้งาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากขึ้น เช่น สำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ไม่เกิน 70-80 กม. ต่อวัน การเลือกชาร์จไฟให้เต็มทุกวัน ดูจะเป็นทางเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ไม่น้อย (เหลือประมาณ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมัน) หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางไกลในบางครั้ง รถในรูปแบบนี้ ยังคงตอบโจทย์การใช้งาน และมีความยืดหยุ่นมากกว่ารถในรูปแบบ BEV ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนๆ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการชาร์จตามจุดชาร์จสาธารณะของ BYD Sealion 6 DM-i ดูจะยังมีข้อจำกัด ด้วยความสามารถในการรองรับ DC Charge ได้เพียง 18 kW หากต้องการเดินทางไกล (และไม่อยากใช้น้ำมันจากการขับขี่ในรูปแบบไฮบริดเพียงอย่างเดียว) อาจจะต้องเผื่อเวลาในการชาร์จกันเล็กน้อย ราว 1 ชั่วโมง กับการรอคอย (จนเต็ม)…มันยาวนานไปไหมสำหรับคุณ ?


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy