Home » #ทีมขับซ่า พาบุกอาณาจักร BYD Auto Company …ทำไมแบรนด์นี้จึงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในวงการรถ EV

#ทีมขับซ่า พาบุกอาณาจักร BYD Auto Company …ทำไมแบรนด์นี้จึงขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในวงการรถ EV

by Admin clubza.tv
BYD Auto Company

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV เป็นกลุ่มรถที่มีความต้องการและเติบโตสูงขึ้นทั่วโลกในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ที่ในช่วง 1-2 ปี ให้หลัง รถกลุ่มนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะมีแบรนด์ใหม่ๆ จากประเทศจีน เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำหรับบางแบรนด์ หลายๆ ท่านอาจไม่เคยรู้จัก หรือคุ้นหูมาก่อนหน้านี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก…หากจะยังมีข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้นในหัว โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจในมาตรฐาน ด้วยความเป็นรถที่มาจากประเทศจีน เช่นเดียวกับแบรนด์ BYD ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างใหม่มากๆ สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย

BYD Auto Company เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน

ในช่วงของการจัดงาน Auto Shanghai 2023 ที่ผ่านมา #ทีมขับซ่า มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนอาณาจักรของ BYD Auto Company ณ เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งที่นั่นถือเป็นสำนักงานใหญ่ที่รวบรวมทุกเทคโนโลยีของแบรนด์ BYD ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ได้สัมผัสในสิ่งที่ไม่เคยเห็น รู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน จึงไม่พลาดที่จะนำบรรยากาศที่ได้ซึมซับมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อทุกท่านมาทำความรู้จักกับแบรนด์นี้กันให้มากขึ้น

แบรนด์ BYD ถือกำเนิดมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1995

โดยในช่วงแรกเริ่มนั้น เป็นแบรนด์ที่เน้นการผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งในยุคนั้น BYD อยู่เบื้องหลังการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือสื่อสารแบรนด์ชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Motorola หรือแม้แต่ Nokia  ก่อนที่จะขยาย Knowhow แตกไลน์สู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ตั้งแต่ปี 2003 โดยรถรุ่นแรกที่ผลิตโดยบริษัทแห่งนี้ก็คือ BYD F3 (เริ่มทำตลาดในปี 2005) ซึ่งยังคงเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป (ใช้เครื่องยนต์ Mitsubishi ตระกูล 4G) ในช่วงแรกเริ่มที่ BYD มีการขายหุ้นให้กับ Warren Buffett มูลค่าหุ้นต่อหน่วยอยู่ที่ 8 ดอลล่าร์ฮ่องกง (ประมาณ 32 บาท) ช่วงปี 2008 แต่ ณ ปัจจุบัน หลังผ่านเวลานั้นมาเพียง 15 ปี มูลค่าหุ้นของ BYD พุ่งสูงขึ้นเป็น 250 ดอลล่าร์ฮ่องกง ต่อหน่วย (ประมาณ 1,000 บาท) หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30 เท่า !!! โดยมีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้นรวมถึง 2 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1 ล้านล้านบาท)

ในปี 2022 ค่าย BYD สามารถผลิตรถได้มากถึง 1.86 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าในปีก่อนถึง 3 เท่า

กลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของ BYD มีมากถึง 7 (สำหรับใช้งานบนถนน) + 4 (สำหรับใช้งานเฉพาะที่) รูปแบบ

โครงข่าย Mono Rail ภายในอาณาจักรของ BYD Auto Company

BYD ไม่ใช่เพียงแบรนด์ที่ผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์และทำอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่กลุ่ทผลิตภัณฑ์หลักๆ ของแบรนด์ จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์, ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่เรียกว่า New Energy เช่น พลังงานหมุนเวียน หรือ Solar Cell ต่างๆ, Rail Transit คมนาคมในรูปแบบราง รวมถึงยานยนต์ในหลากหลายรูปแบบ โดยในปีที่ผ่านมา BYD สามารถผลิตรถยนต์ทั้งใน BEV และ DMi (PHEV) ได้มากถึง 1,860,000 คัน ซึ่งมากกว่าในปี 2021 ถึง 3 เท่า นั่นส่งผลให้ BYD สามารถทำรายได้ได้มากถึง 4,241 ล้านหยวน (กว่า 21,000 ล้านบาท) นอกจากนี้…ในปี 2022 ทางค่ายยังเป็นแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายรถ EV สูงที่สุดในประเทศจีนอีกด้วย

อาณาจักร BYD Auto Company บนพื้นที่ 3.79 ล้านตารางเมตร

e-Platform 3.0 พร้อมเทคโนโลยี Blade Battery แบบ Cell to Body

เครื่องยนต์ในพิกัดต่างๆ สำหรับรถในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด DM-i (เน้นประหยัดพลังงาน) และ DM-P (เน้นสมรรถนะ)

แบบจำลองระบบเชื่อมต่อ D-Link

สำนักงานใหญ่ของ BYD Auto Company ที่เมืองเซินเจิ้นนั้น ประกอบไปด้วยหลายส่วน ครอบคลุมพื้นที่ 3.79 ล้านตารางเมตร เริ่มตั้งแต่ อาคารสำนักงานที่เรียกกันว่า Conference Center ที่เป็นเสมือนศูนย์ประชุมไว้รองรับ พร้อมจัดแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ ของ BYD ไว้อย่างน่าสนใจ (BYD เรียกโซนนี้ว่า Showroom) เริ่มตั้งแต่ในส่วนของความเป็นมา ภาพรวมของธุรกิจในเครือ ที่ได้พูดถึงไปแล้วในเบื้องต้น นอกจากนี้ยังมีโซนสำหรับโชว์เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีโครงสร้างล่าสุด e-Platform 3.0 แบบ Cell to Body ที่ทางค่ายเลือกใช้กับรถยนต์ในระดับสูง เช่น BYD Song L Concept, BYD Seal เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มสำหรับรถปลั๊กอินไฮบริดหลากหลายรูปแบบ ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมรองรับสำหรับรถยนต์ในหลากหลายประเภท หลากหลายขุมพลังให้เลือก และปิดท้ายโซนเทคโนโลยีกันด้วยระบบเชื่อมต่อ D-Link ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เครื่องมือจำจองการทดสอบแบตเตอรี่แบบเจาะทะลุ (Nail Penetration Test)

ลักษณะที่แตกต่างระหว่าง BYD Blade Battery และแบตเตอรี่ EV ทั่วไป

สิ่งที่ชวนตื่นตาตื่นใจที่สุดใน Showroom ของ BYD

คงหนีไม่พ้นพื้นที่สาธิต การทดสอบเจาะทะลุ (Nail Penetration Test) ของแบตเตอรี่รถ EV ในรูปแบบทั้วไป เทียบกับ BYD Blade Battery โดยผลที่ออกมาคือ สำหรับแบตเตอรี่แบบ NMC ทั่วไป เมื่อถูกเจาะทะลุ อุณหภูมิภายในแบตเตอรี่จะพุ่งสูงกว่า 600 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และมีการลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง (จนกว่าสารตั้งต้นในการทำปฏิกริยาภายในแบตฯ จะหมดไป) แต่สำหรับ BYD Blade Battery เมื่อถูกเจาะทะลุ อุณหภูมิจะสูงขึ้นเพียงไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่สูงพอที่จะทำให้เกิดการระเบิด เป็นการแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยและให้ประสิทธิในระดับสูงสุด

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่การเล่าในย่อหน้านี้ อาจไม่มีภาพประกอบ เนื่องจากในบางแผนกของ BYD มีกฏการงดบันทึกภาพอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะใน พื้นที่ทดสอบการชน ผู้เขียนกล้าพูดได้เลยว่า นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ที่ผมจะมีโอกาสได้เห็นการทดสอบการชนแบบต่อหน้าต่อตา (เป็นโอกาสดี ที่ #ทีมขับซ่า เดินทางมาดูงานในวันที่มีการทดสอบการชนพอดี) สาเหตุที่แต่ละค่ายไม่ทดสอบการชนแบบพร่ำเพรื่อ เป็นเพราะต้นทุนในการทดสอบแต่ละครั้ง สูงถึง 100,000 – 400,000 หยวน หรือประมาณ 500,000 – 2,000,000 บาท  บางคัน คือ ชนตูมเดียว เหมือนทำเงินหายไป 2 ล้านบาท !!! ซึ่งแต่ละคัน ต้องทำการทดสอบ 30-50 ครั้ง จนกว่าจะได้ผลออกมาตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานความปลอดภัย GB Test ของประเทศจีน สุดท้ายคือ ทำได้เพียงมองด้วยสายตาและบันทึกสัมผัสการชนไว้ในความทรงจำ เพื่อมาถ่ายทอดให้ผู้ที่ติดตามได้เข้าถึงความรู้สึกนั้นให้ได้มากที่สุด โดยรถที่ถูกนำมาทำการทดสอบในครั้งนี้ คือ ปิคอัพขุมพลังไฮบริด (ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นรุ่นในประเทศไทย) เป็นการจำลองการชนทางด้านหน้ามุมตรงด้วยความเร็ว 35 กม./ชม. ก่อนที่จะเริ่มการทดสอบ จะมีการติดตั้งกล้อง ปรับแสงไฟ เพื่อให้เห็นแอคชั่นของการชน รวมถึงความเสียหายในจุดต่างๆ ได้ชัดเจนที่สุด และแน่นอนว่าในช่วงเวลาไม่ถึง 5 วินาที ที่ได้เห็นการชนต่อหน้าต่อตา BYD ใช้เงินใน 5 วินาทีนี้ ไปแล้วกว่า 5 แสนบาท ตัวรถอาจไม่ได้เสียหายเยอะ แต่แน่นอนว่าการทดสอบแบบนี้…ส่วนใหญ่ คือ เทสต์แล้วทิ้ง ลูกเดียว

ลักษณะสเตชั่นทดสอบการชนแบบ 8 ทิศทาง

นอกจากเครื่องมือและสเตชั่นที่ใช้ในการทดสอบในมุมตรงแล้ว ในห้องทดสอบการชนของ BYD ยังมีสเตชั่นทดสอบการชนในมุมต่างๆ ถึง 8 ทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น มุมตรงจากทางด้านหน้า, มุม 15- 90 และ 180 องศา รองรับความเร็วในการชนสูงสุดถึง 120 กม./ชม. พื้นที่ในการทดสอบ มาในลักษณะโปร่งใส สำหรับการติดตั้งกล้องเพื่อสังเหตุการเปลี่ยนแปลงของช่วงล่างเมื่อเกิดการชน ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนในสเตชั่นทดสอบส่วนนี้ถึง 200 ล้านหยวน (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) นอกจากนี้…องประกอบสำคัญที่ช่วยให้การทดสอบการชนมีประสิทธิผลสูงสุด คือ หุ่นที่ใช้สำหรับการทดสอบ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบภายในโรงงานของ BYD โดยหุ่นที่มีมูลค่าสูงสุด มีราคาถึงตัวละ 13 ล้านหยวน หรือประมาณ 65 ล้านบาท (ในแต่ละตัว…ใช้ทดสอบการชนได้สูงประมาณ 20 ครั้ง) ถือว่าเป็นการลงทุนมูลค่ามหาศาล เพื่อให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูงสุด ก่อนจะปิดท้ายการทัวร์ห้องแล็บด้วยการเข้าชมภายในห้องทดสอบการรบกวนของสัญญาณ ซึ่งมีขนาดใหญ่พร้อมรองรับรถบัสที่มีความยาวถึง 12 เมตร (ฐานล้อยาวที่สุดที่สามารถวัดได้ คือ 6 เมตร) นับเป็นห้องทดสอบที่มีความทันสมันเป็นอันดับต้นๆ ของแบรนด์รถยนต์ในประเทศจีน

Mono Rail สำหรับการเดินทางภายในสำนักงาน BYD Auto Company

ด้วยพื้นที่ภายในสำนักงานใหญ่ของ BYD Auto Company รวมทุกโซน ตั้งแต่ BYD Design Center, ศูนย์ทดสอบการชน, ที่พักอาศัยของพนักงาน BYD ตั้งอยู่ในแอเรียที่กว้างใหญ่ถึง 3.79 ล้านตารางเมตร ที่นี่จึงใช้การวางระบบรถราง Mono Rail ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของบริษัท เป็นเสมือนสวัสดิการเพื่อการเดินทางสำหรับบุคลากรในองค์กร รวมถึงผู้ที่มาเยี่ยมชมให้ได้ใช้งานกันแบบฟรีๆ ซึ่งสามารถใช้ Mono Rail นี้ เพื่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วอาณาเขตของ BYD Auto Company

ปิดท้ายการเยี่ยมชมอาณาจักรของ BYD ในเมืองเซินเจิ้น

ด้วยการเข้าชมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ โดยโรงงานแห่งนี้ รับผลิตแบตเตอรี่ในรูปแบบทั่วๆ ไป (ไม่ใช่โรงงานผลิต Blade Battery ซึ่งแหล่งผลิตสำคัญๆ จะตั้งอยู่ที่โรงงานในฉงฉิ้งและซีอาน) ทั้งสำหรับรถยนต์แบรนด์ชั้นนำ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ (เช่น Samsung, LG, Huawei, Mi, Oppo, Google รวมถึง Microsoft) ซึ่งภาพที่เห็นเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพและมาตรฐานการผลิตของโรงงาน BYD ที่ได้การยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย ในหลากหลายรูปแบบผลิตภัณฑ์

ศูนย์ออกแบบรถยนต์ ภายในสำนักงานใหญ่ของ BYD

ภาพรถรุ่นใหม่ๆ แปะลายพรางแบบนี้ มีให้เห็นจนชินตาในอาณาเขตของแบรนด์ BYD

นี่เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่สุดในประเทศจีน (และในโลก)

เรียกว่า การได้มาเยือนอาณาจักร BYD Auto Company ของ #ทีมขับซ่า ในครั้งนี้ เป็นเสมือนการได้เปิดโลก ได้สัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้แนวทางการพัฒนาองค์กรที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แม้ว่าบริษัทจะก่อตั้งมาเพียง 28 ปี แต่ที่ผ่านมา BYD ด้วยการลงทุนมหาศาล บนความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการคิดค้นเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ป้อนสู่ตลาด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทำไมพวกเขาถึงได้การยอมรับ และ ก้าวสู่ความเป็นเบอร์ 1 ในวงการรถ EV ของประเทศจีนได้อย่างน่าภาคภูมิ ซึ่งแน่นอนว่า…นี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ !!!


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy