Home » 10 เหตุผล ทำไม ? BYD Atto 3 ใครๆ ก็ว่า…น่าใช้ !

10 เหตุผล ทำไม ? BYD Atto 3 ใครๆ ก็ว่า…น่าใช้ !

by Admin clubza.tv
BYD Atto 3

เรียกได้ว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นตาตื่นใจของคนที่กำลังรอคอย รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV รุ่นใหม่ๆ จริงๆ เพราะเป็นไปได้ว่าในประเทศไทยช่วงเวลานี้ มีความเคลื่อนไหวของรถ EV หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง MG ที่ล่าสุดมีภาพการทดสอบในประเทศไทยออกมา ก่อนที่จะมีการเปิดตัว MG 4 Electric อย่างเป็นทางการในยุโรป ส่วนทางฝั่งแบรนด์น้องใหม่ในบ้านเรา (แต่เก๋าพอตัวในต่างแดน) อย่าง BYD หลังจากที่เปิดตัวแบรนด์ไปในวันที่ 8 เดือน 8, เซ็นเงื่อนไข MOU กับภาครัฐไปในวันที่ 9 เดือน 9 ก็มีการประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า เตรียมจะเปิดตัวรถ EV รุ่นแรกของค่ายอย่าง BYD Atto 3 ในวันที่ 10 เดือน 10

BYD Atto 3 พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย วันที่ 10 ตุลาคมนี้

BYD Atto 3 ถือว่าเป็นรถที่ได้การยอมรับอย่างน่าสนใจในหลายๆ ประเทศ ซึ่งหากดุจากสเป็คแล้ว คงต้องยอมรับว่า “มีดีในตัวเอง” อย่างไม่ผลิกโผ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่ทางค่ายเองก็เป็นผู้นำในตลาดใหญ่ พร้อมทั้งส่งชื่อเสียงของแบรนด์ให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ #ทีมขับซ่า พาส่อง 10 เหตุผล ที่ใครๆ ก็ต่างบอกว่า BYD Atto 3 ดูจะเป็นรถ EV ที่น่าใช้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งการให้เหตุผลในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ คุณสมบัติของตัวรถ รวมถึงเบื้องหลังการทำตลาด ทั้งในประเทศไทยและต่างแดน

1.ความถนัดในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้ามาอย่างยาวนาน

แม้ชื่อเสียงของ BYD (Build Your Dreams) ในวงการรถยนต์ อาจย้อนลงไปไม่ลึกนัก แต่ความถนัดของแบรนด์ในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนนี้สั่งสมมานานตั้งแต่ในช่วงกลางของยุค 90 จนสามารถนำเทคโนโลยี Knowhow ที่มี มาต่อยอดสู่การพัมนานวัตกรรมใหม่ๆ จนกระทั่งในปี 2003 ทางค่าย BYD เริ่มแตกไลน์การผลิตสู่วงการรถยนต์ (รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม) เริ่มจากรถในรูปแบบ Plug In Hybrid และสร้างผลงานที่เข้าจน จนกระทั่งนักลงทุนระดับโลก Warren Buffett เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในช่วงปี 2008 ทำให้ BYD เริ่มเป็นที่รู้จักในระดับโลก

ในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา BYD มียอดขายรถยนต์นั่งกว่า 1.3 แสนคัน

2.ยอดขาย…ไม่โกหก

BYD ถือเป็นระดับ Top 3 ของแบรนด์ยานยนต์ในประเทศจีน โดยสามารถสร้างชื่อขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แซงหน้าแบรนด์ที่อยู่มานานกว่าได้อย่างผ่าเผย โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี้นี้ BYD คือ รถ EV ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก (กว่า 6.4 แสนคัน) แซงหน้าแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Tesla ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่นี่าสนใจว่า หลังจากตัดจบปี 2022 ค่าย BYD จะสามารถขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของรถ EV ในปีนี้ได้หรือไม่ ?

Blade Battery เทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่ที่แบรนด์ชั้นนำต่างให้การยอมรับ

3.Blade Battery เทคโนโลยีสร้างชื่อของ BYD

ความสำเร็จในตลาดโลกของแบรนด์ BYD นั้น ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยสิ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการรถ EV มากที่สุด คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เรียกว่า Blade Battery โดยแบตเตอรี่ชนิดนี้ มาในรูปแบบ Lithium Iron Phosphate (LPF) ที่มีลักษณะพิเศษ คือ บาง และ ยาว คล้ายใบมีด วางเรียงกันโดยมีการเว้นช่องว่างเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน (ลักษณะเดียวกับ Heat Sink) ส่วนให้ตัวรถสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีเสถียรภาพในทุกสภาวะการขับขี่ และช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดโอกาสการเกิดความร้อนสูงเมื่อได้รับการกระทบ กระแทกได้มากขึ้น

Toyota bZ3 รถซีดานในรูปแบบ EV รุ่นแรกของค่าย ภายใต้ความร่วมมือกับ BYD

4.น่าสนใจจนแบรนด์ชั้นนำของโลกยังต้องจับมือเป็นพันธมิตร

นอกจาก Tesla ที่เคยตามจีบ Blade Battery ของ BYD มาก่อนหน้านี้ ล่าสุดเป็นทางฝั่ง Toyota ที่ประกาศจับมือพัฒนาคอมแพคซีดาน bZ SDN กับ BYD เพื่อทำตลาดในประเทศจีน ล่าสุดก็มีภาพของ Toyota bZ3 รถซีดาน D-Segment พลังงานไฟฟ้าล้วน หลุดออกมาในโลกโซเชียลเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการที่แบรนด์อย่าง Toyota เลือกที่จะหาแบรนด์พันธมิตรมา Collab ด้วย เขาคงต้องคิดแล้วแหละว่า…แบรนด์นั้นจะต้องเจ๋งจริง

BYD Atto 3

5.BYD Atto 3 รถ EV ในรูปแบบคอมแพค ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

จุดเด่นของรถ EV ในปัจจุบัน คือ การพัฒนาบนพื้นฐานแพลตฟอร์มแบบ Modular ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการนำไปใช้งาน สามารถปรับระยะฐานล้อเพื่อให้เหมาะกับความต้องการที่หลากหลายได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับที่ BYD Atto 3 ถูกพัฒนาบน e-platform 3.0 นั้นจึงทำให้ตัวรถมีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,720 มม. ส่งผลต่อพื้นที่ใช้สอยโดยรวมภายในห้องโดยสาร โดยตัวรถมีขนาดอยู่ที่ 1,875 x 4,455 x 1,615 มม. และมีน้ำหนักตั้งแต่ 1,680 – 1,750 กก. สำหรับรุ่น Long Range ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระจะอยู่ที่ 440 ลิตร และเพิ่มเป็น 1,340 ลิตร เมื่อพับเบาะ

BYD Atto 3 เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 7.3 วินาที

6.จะแบตเตอรี่ไซส์ไหน สมรรถนะ…ล้วนเป็นหนึ่งเดียว 

อย่างที่ทราบกันดีว่า BYD Atto 3 ที่ทำตลาดในต่างประเทศนั้น มีแบตเตอรี่ให้เลือก 2 สเป็ค คือ Standard Range (49.9 kWh)  ที่รองรับการเดินทางประมาณ 345 กม. และ Long Range (60.5 kWh) รองรับการเดินทาง 420 กม. แต่ที่น่าสนใจ คือ ทั้ง 2 สเป็คแบตเตอรี่ มาพร้อมสมรรถนะในระดับเดียวกัน คือ 204 แรงม้า พร้อมแรงบิด 310 นิวตัน-เมตร ซึ่งช่วยให้ BYD Atto 3 เป็นรถที่สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.3 วินาที นอกจากนี้ BYD Atto 3 ยังมีฟังค์ชั่นปรับการตอบสนองของแป้นเบรค 2 รูปแบบ, ปรับระดับการชาร์จไฟกลับได้ 2 ระดับ, ปรับความหนืดของพวงมาลัย 2 ระดับ รวมถึงปรับโหมดการตอบสนองได้ถึง 3 รูปแบบ อีกด้วย

7.ระบบความปลอดภัยขั้นสูงพร้อมลูกเล่นที่ครบครัน

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ BYD Atto 3 คงหนีไม่พ้นการจัดออพชั่นสุดล้ำมาให้ผู้ใช้ได้สัมผัส โดยเฉพาะหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 12.8 นิ้ว แบบปรับหมุนได้ (แสดงผลแนวตั้ง – นอน) อันเป็นศูนย์รวมของการสั่งการระบบต่างๆ ทั้งระบบความบันเทิง, ระบบปรับอากาศ, ข้อมูลและการทำงานต่างๆ ของตัวรถ โดยการแสดงผลการขับขี่ จะเป็นหน้าที่ของชุดจอขนาด 5 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับขี่ นอกจากนี้ BYD Atto 3 ยังมาพร้อมฟังค์ชั่นความปลอดภัยขั้นสูง DiPilot ทำงานร่วมกับชุดกล้อง 360 องศา ซึ่งสามารถอัพเดทข้อมูลและเวอร์ชั่นการทำงานได้ผ่านระบบ OTA (Over the Air)

8.การที่แบรนด์ได้มาอยู่ในมือ “ผู้ที่มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญ” ในวงการยานยนต์

นอกจากการที่แบรนด์มีผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือ การที่แบรนด์ที่มีสินค้าที่ดี ได้มาอยู่ในมือของผู้ที่เข้าใจและมีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจในวงการยานยนต์มาอย่างยาวนานอย่าง กลุ่มพรประภา ภายใต้ชื่อ Rêver Automotive (เรเว่ ออโต้โมทีฟ) ซึ่งจะสามารถต่อยอด ยกระดับแบรนด์ BYD ให้เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือในประะเทศไทย เฉกเช่นที่เคยประสบความสำเร็จในวงการยานยนต์มาแล้วอย่างมากมาย โดยตั้งเป้าหมายว่า BYD จะเป็นแบรนด์ระดับ Top 5 ของเมืองไทย ภายในเวลา 5 ปี

ส่วนลด 150,000 บาท…ได้แน่ๆ สำหรับผู้ที่สนใจ BYD

9.การเซ็น MOU เพื่อได้รับการสนับสนุนการใช้รถ EV

BYD Atto 3 ในล็อตแรกๆ เป็นรถที่นำเข้ามาจากประเทศจีน แต่การทุ่มงบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ในอนาคต BYD จะตั้งโรงงานและผลิตและประกอบภายในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ณ นิคมอุตสาหกรรม WHA จ.ระยอง เริ่มต้นด้วยการผลิตรถ EV ก่อนแตกไลน์การผลิตสู่รถในรูปแบบ PHEV ในปี 2024 นั่นจึงเป็นที่มาของการเซ็น MOU นโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ซึ่งจะได้รับส่วนลด 150,000 บาท พร้อมทั้งปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือเพียง 2% ซึ่งหากลองคำนวนแบบคร่าวๆ โดยยกตัวอย่างรถที่มีราคา 1,000,000 บาท คือ จะได้รับส่วนลดไม่น้อยกว่า 150,000 + 60,000 หรือ 210,000 บาท

10.โชว์รูมและศูนย์บริการ 31 แห่ง ในปีนี้ และเพิ่มเป็น 60 แห่ง ในสิ้นปี 2566

สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ สำหรับการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจผู้ใช้ คงหนีไม่พ้น บริการหลังการขาย ซึ่งทาง Rêver Automotive วางแผนไว้ว่า BYD จะจะเป็นรถที่มีจำหน่ายในทุกจังหวัด ทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขาย โดยจะมีตัวแทนจำหน่าย 31 แห่งในปีนี้ และจะครอบคลุมทุกจังหวัดในอนาคต โดยพนักงานทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมตามแนวทางของ BYD อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการและมาตรฐานที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy