Home » BMW M4 CSL ทายาทลำดับที่ 3 ในตระกูล CSL กับความเร้าใจที่ใกล้ “ตัวแข่ง” ที่สุดเท่าที่ M เคยมี

BMW M4 CSL ทายาทลำดับที่ 3 ในตระกูล CSL กับความเร้าใจที่ใกล้ “ตัวแข่ง” ที่สุดเท่าที่ M เคยมี

by Admin clubza.tv

ถือว่าเป็นปีที่แผนก M ของแบรนด์ BMW มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดปีหนึ่ง ซึ่งคงเป็นเพราะในปีนี้ เป็นโอกาสการครบรอบ 50 ปี ของ BMW M GmbH โดยลา่สุดทางค่ายใบพัดฟ้าขาวประกาศเปิดตัว BMW M4 CSL ว่าที่สปอร์ตในสารบบ M Car ที่มีระดับสมรรถนะใกล้เคียงกับตัวแข่งมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งนี่ถือเป็นไฮไลท์ที่ทำให้ BMW M4 CSL ต่างจากสปอร์ตรุ่นอื่นๆ ที่ M Division เคยสร้างมา

BMW M4 CSL

จัดองประกอบสุดซิ่งสไตล์ตัวแข่ง

สิ่งแรกในความแตกต่างของ BMW M4 CSL คงหนีไม่พ้นเรื่องทริมการตกแแต่ง รวมถึงการเลือกใช้สีที่ไม่มีอยู่ในแคตตาล็อกของ BMW และแน่นอนว่าสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คงหนีไม่พ้นการอัพเกรดองประกอบต่างๆ เพื่อสะท้อนภาพความเป็น “ตัวแข่ง” ออกมาได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดย BMW M GmbH เลือกที่จะจำกัดองประกอบที่เกินจำเป็นออกไปจนเกลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น เบาะหลัง, รวมถึงการเลือกใช้ฝากระโปรหน้า – หลัง รวมถึงแผ่นหลังคาที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อการลดน้ำหนัก

ว่ากันตามเนื้อผ้า…คือ น่าจะเป็นรถในระดับโปรดักชั่นที่ใส่แอโร่แพคเกจแล้วกลายร่างเป็นเวอร์ชั่น GT3 ได้เลยทีเดียว

อัพม้า 40 ตัว เบาลงกว่า 100 กก. แต่เสียดาย…ไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือก

BMW M4 CSL ถือว่าเป็นรถที่ผ่านขั้นตอนในการไดเอทเพื่อลดน้ำหนักตัวถังได้อย่างน่าสนใจ โดยแค่การปรับดีเทลของกระจังหน้า, ไฟท้าย, ถอดชุดพรม และระบบแอร์ออโต้ออก ก็สามารถลดน้ำหนักในเบื้องต้นได้ถึง 3.6 กก. ซึ่งเมื่อรวมกับส่วนประกอบอื่นๆ นั่นทำให้ BMW M4 CSL สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 109 กก. เมื่อเทียบกับ BMW M4 รุ่นสแตนดาร์ด หรือมีน้ำหนักพอๆ กับ M Car ในช่วงยุคมิลเลนเนียมอย่าง BMW M3 CSL (E46) เลยทีเดียว โดยนอกจากน้ำหนักที่เบาลงกว่า 100 กก. แล้ว BMW M4 CSL ยังมาพร้อมพละกำลังที่เหนือกว่ารุ่นสแตนดาร์ดอยู่ถึง 40 ตัว โดยมีกำลังรวมอยู่ที่ 550 แรงม้า (เทียบกับน้ำหนัก 1,651 กก. นั่นทำให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักของ BMW M4 CSL อยู่ที่ 3 กก. ต่อ 1 แรงม้า) จากเครื่องยนต์ในรูปแบบ 6 สูบ แถวเรียง ทวินเทอร์โบ โดย BMW M4 CSL มาพร้อมระบบส่งกำลังในรูปแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง จับคู่กับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดามาเป็นทางเลือก แต่อย่างไรก็ตาม BMW M4 CSL เป็นสปอร์ตจากค่าย BMW ที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดใน Nurburgring โดยตอกเวลาเอาไว้ที่ 7:20.2 นาที

ขุมพลัง 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่แรงกว่า และเบาลง

ความไม่ธรรมดา…ที่เหนือกว่าไม่ธรรมดา

รถในตระกูล M ในสายตาหลายๆ คนอาจดูเป็นสปอร์ตสมรรถนะสูงธรรมดาๆ แต่นั้นอาจไม่ใช่กับ M Car ที่มาพร้อมรหัสต่อท้ายด้วยรหัส CS (Competition, Sports) ที่ยกระดับความเป็นสุดยอดขึ้นไปอีกขั้น และจะไม่ธรรมดาไปกว่านั้น เมื่อต่อท้ายด้วยรหัส CSL เพราะที่ผ่านมา มีรถจากค่าย BMW เพียง 2 รุ่น เท่านั้น ที่ไปถึงความเป็นสปอร์ตในระดับท็อปคลาสจนได้รหัส CSL มาครอง นั่นก็คือ BMW 3.0 CSL ในรหัส E9 (ตัวแข่งรุ่นแรกในสารบบของ BMW M GmbH) และ BMW M3 CSL (E46) โดยหลักสำคัญของความเป็น M Car ในสายรหัสา CSL ก็คือ การลดน้ำหนักให้ใกล้เคียงกับตัวแข่ง ซึ่งใน BMW M4 CSL นอกจากเบาะหลังจะถูกรื้อออกแล้ว ในส่วนของเบาะคู่หน้าในสไตล์ Bucket Seat ยังถูกสร้างจากโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา (เบากว่าเบาะสแตนดาร์ด 24 กก.) ในส่วนของช่วงล่างและระบบรองรับ มีการอัพเกรดชุดเบรกเป็นคาร์บอนเซรามิค จับคู่กับล้ออลูมินัมอัลลอยฟอร์จ และเซ็ตช่วงล่างที่มีน้ำหนักเบา (ลดได้ 21 กก.) พร้อมบุวัสดุซับเสียงในรูปแบบพิเศษซึ่งไดเอทลงได้อีก 15 กก. แต่หากยังไม่จุใจ สามารถเลือกออพชั่นด้วยชุดท่อไทเทเนียมที่ช่วยลดน้ำหนักลงจากท่อสแตนดาร์ดได้อีก 4 กก. อีกด้วย

แรงสุดในความเป็น M4 พร้อมเครื่องเคียงในระดับเฉียดความเป็นรถ GT3

BMW M4 CSL นับว่าเป็นรถที่แรงที่สุดในสารบบ M4 โดยมาพร้อมกำลัง 550 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิด 649 นิวตัน-เมตร แบบยาวๆ ตั้งแต่ 2,750–5,950 รอบ/นาที ซึ่งด้วยความเร้าใจในระดับนี้ สามารถทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายใน 3.6 วินาที (เร็วกว่า BMW M4 Competition xDrive อยู่ 0.2 วินาที) และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 307 กม./ชม. โดยความแรงที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลิตผลมาจากการอัพระดับแรงดันบูสต์ของเทอร์โบ จาก 1.7 บาร์ ใน M4 Competition เป็น 2.1 บาร์ ใน BMW M4 CSL พร้อมปรับองประกอบต่างๆ ทั้งในเรื่องการตอบสนอง รวมถึงการถ่ายทอดพละกำลังให้สามารถปลดปล่อยความเร้าใจลงสู่พื้นได้อย่างหมดจดและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้ขับมากที่สุด เพื่อให้ตัวรถ BMW M4 CSL สามารถทำเวลาในแทร็กได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเซ็ตช่วงล่างมาเป็นพิเศษ (เตี้ยลงกว่า M4 Competition 0.3 นิ้ว) พร้อมใช้ชุดข้อต่อที่เป็นบอลจอยท์ ซึ่งไม่มีการให้ตัวในจุดเชื่อมต่อทุกจุด เช่นเดียวกับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก เพื่อการตอบสนองการขับขี่ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป สำหรับชุดเบรกมาพร้อมคาลิเปอร์ 6 POT ในด้านหน้า และ 1 POT ที่ล้อหลัง ซึ่วสามารถปรับระดับแรงดันและการกระจายน้ำหนักในการเบรกได้ตามต้องการ ยางที่ใช้เป็น Michelin Pilot Sport Cup 2 R ไซส์ 275/35 ZR19 ที่ล้อหน้า และ 285/30 ZR20 ที่ล้อคู่หลัง (เป็นออพชั่น) โดยหากเลือกออพชั่นนี้ จะได้ยางสแตนดาร์ดแบบเดียวกับที่ใช้ใน BMW M4 Competition ไปด้วยอีก 1 เซ็ต

ค็อกพิทคาร์บอน…ความสุดยอดในระดับ CSL เท่านั้น ที่ได้สัมผัส

อินเตอร์เฟสสไตล์ “ตัวแข่ง” หน้าจอโค้งเหรอ…ไม่ต้อง !

แม้ว่ารถรุ่นใหม่ๆ ของ BMW จะได้รับการออกแบบภายในด้วยการวางเซ็ตหน้าจอในรูปแบบ Curve Display เช่นเดียวกับใน BMW Series 3 (LCI) หรือรุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้า แต่คงไม่ใช่กับ BMW M4 CSL ที่เน้นอารมณ์ความดิบในสไตล์ตัวแข่งเป็นสำคัญ โดยมาพร้อมชุดคอนโซลหน้าที่ขึ้นรูปจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมกับเซ็ตเบาะ Full Bucket Seat ดีไซน์ล้ำในคู่หน้า ซึ่งทั้ง 2 ออพชั่น มีเฉพาะในรถตระกูล CSL เท่านั้น ชุดเบาะมาในรูปแบบหลังแข็งที่ไม่สามารถปรับเอนได้ (นอกจากถอดมาเพื่อปรับเอนทั้งตัว) ในส่วนของหัวหมอนสามารถถอดออกได้ในกรณีที่ใส่หมวกกันน็อคขับ แต่ทาง BMW ยังใส่ใจด้วยเซ็ตออพชั่นเบาะแบบปรับได้พร้อมระบบอุ่น (เป็นทางเลือกสำหรับคนขี้หนาว โดยไม่ต้องเพิ่มเงิน) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นอีก 24 กก. ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ยังคงเป็นเซ็ตเบาะที่มีน้ำหนักเบากว่าเบาะที่ใช้ใน BMW M4 Competition ถึง 9.5 กก.

โลโก้พร้อมทริมการตกแต่งที่บ่งบอกถึงความพิเศษในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ BMW M GmbH

ไม่ใช้ชื่อ GT3 แต่หากมองสเป็ค…คือ มันใช่ !

BMW M4 CSL มาพร้อมทางเลือกด้วย 3 สีตัวถัง ไม่ว่าจะเป็นสีฮีโร่ Brooklyn Grey metallic, สี Alpine White และสี Black Sapphire metallic โดยเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ของ BMW M GmbH มีการนำโลโก้ BMW Motorsport มาใช้แทนเครื่องหมายการค้าใบพัดฟ้าขาว พร้อมกับเลือกใช้ป้าแบดจ์สีดำพื้นแดงอันเป็นทริมสีหลักที่ใช้กับ BMW M4 CSL ความพิเศษอีกอย่างก็คือ การใช้ชุดไฟ LED Daylight ที่เป็นสีเหลือง (ในวงการการแข่งขันคือ แทนความเป็นรถแข่ง GT3) เช่นเดียวกับที่ใช้ใน BMW M5 CS ซึ่งเป็น M Car ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกับการตกแต้งด้านท้ายด้วยไฟท้าดีไซน์พิเศษในรูปแบบเลเซอร์ไลท์ รวมถึงหางหลังทรงตูดเป็ดที่ชวนให้นึกถึง BMW M3 CSL (E46)

ค่าตัวแรงกว่า BMW M4 Competition เกือบ 2 เท่า แต่ความสุดนั้น…ก็ตามเนื้อผ้า

BMW M4 CSL ผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลก เท่านั้น

โดยจะเริ่มขึ้นไลน์การผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดย BMW M4 CSL ในสหรัฐฯ เปิดราคามาที่ $139,900 (ประมาณ 4.8 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า M4 Competition เกือบครึ่ง !!!) อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ Porsche 911 Carrera GTS

 


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy