BMW M2 เจนเนอเรชั่นที่ 2 รหัส G87 เปิดตัวมาพร้อมภาพลักษณ์ที่ดูแปลกตา ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงของสาวก Bimmer ว่าต้องใช้เวลาขนาดไหนที่จะมองแล้วรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับรูปโฉมในสไตล์เช่นนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ อันเป็นการสะท้อนแนวคิดการดีไซน์ของ BMW M2 ได้ดีก็คือ แนวทางของตัวรถที่เน้นให้ผู้ขับขี่ได้สนุกกับกาารควบคุมอย่างเต็มที่ ในขนาดบอดี้ที่มีความกะทัดรัด ซึ่งส่งผลให้ตัวรถออกอาการได้ง่าย (และคอนโทรลให้กลับมาอยู่ในการควบคุมได้ง่ายเช่นกัน)
การกลับมาในเจนเนอเรชั่นนี้ของ BMW M2 ชูสีไฮไลท์ แดง Toronto Red ตัวรถมีการยืดระยะฐานล้อเป็น 2,747 มม. (+54 มม.) จับคู่ล้อ M ขนาด 19-20 นิ้ว (เลือกได้ระหว่างสีดำและสีทูโทน) พร้อมยาง 275/35 ZR19 ในด้านหน้า และ 285/30 ZR20 ที่ล้อหลัง ด้านขุมพลังมาพร้อมเครื่องยนต์ในรหัส S58 แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่นพี่อย่าง BMW M3 และ M4 พิกัด 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง ทวินเทอร์โบ โดยมีการปรับระดับของพละกำลังให้พอซิ่งได้ ใช้งานสนุกด้วยตัวเลข 460 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที ซึ่งเป็นระดับพละกำลังที่เหนือกว่า BMW M2 เจนเนอเรชั่นก่อนถึง 90 แรงม้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมแรงบิดในระดับ 550 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 2,650 – 5,870 รอบ/นาที โดยเครื่องยนต์บล็อคนี้ จับคู่กับระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด
BMW M2 มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ทำงานร่วมกับช่วงล่าง Adaptive ควบคุมด้วยอิเล็คโทรแม็กเนติค รวมถึง M Dynamic Mode ที่สามารถเซ็ตค่าการทำงานได้ละเอียดมากขึ้น โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ก็คือ การใช้ชุดเฟืองท้ายในรูปแบบ Active M Differential
น้ำหนักตัวรถของ BMW M2 อยู่ที่ 1,730 กก. (สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา) และ 1,754 กก. (รุ่นเกียร์อัตโนมัติ) ให้ความสำคัญกับความสนุกในการขับขี่ นั่นเป็นที่มาของการเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แบบเพียวๆ เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ราว 4.1 วินาที (สำหรับรุ่นเกียร์ฮัตโนมัติ และ + 0.2 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา) และ 0-200 กม./ชม. ใน 13.5 วินาที (สำหรับเกียร์อัตโนมัติ และ 14.3 วินาที สำหรับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด) โดยทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 285 กม./ชม. เมื่อจับคู่กับ M Driver’s Package โดยความเร็วปกตินั้นจะถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม.
ภายในห้องโดยสาร BMW M2 มาพร้อมเบาะที่มีให้เลือกใน 2 รูปแบบ ทั้งเบาะหนัง M Sport หรือเบาะ Bucket Seat ในชื่อ M Carbonfiber (ยังคงมาพร้อมฟังค์ชั่นปรับไฟฟ้า แต่น้ำหนักเบาลงแตะๆ 11 กก.) เรือนไมล์มากันหน้าจอ BMW Curve Display ประกอบไปด้วย จอแสดงผลการขับขี่ 12.3 นิ้ว และจออินโฟเทนเม้นท์ 14.9 นิ้ว ซึ่งสามารถรองรับการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะโหมดการขับขี่ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่วสามารถเข้าถึงความสนุกในอรรถรสความเป็น BMW M2 ได้ดีมากยิ่งขึ้น
BMW M2 พร้อมขึ้นไลน์การผลิตปลายปีนี้ โดยจะประกอบในแพล้นท์ San Luis Potosí ใน Mexico ที่เดียวเท่านั้น และขึ้นโชว์รูมเดือนเมษายน 2023 ราคาในต่างประเทศเริ่มต้นที่ $62,200 หรือประมาณ 2.37 ล้านบาท กว่าจะถึงบ้านเรา…ลองเอา x 3 ดูเล่นๆ ส่วนหากอยากเสพว่าฟีลลิ่งและสุ้มเสียงของ นั้นสุดแค่ไหน สามารถติดตามได้จากในคลิปด้านล่าง