Home » BMW iX 2022 มาตรฐานใหม่แห่งรถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้า พร้อมบวกทุกความท้าทาย ล้ำกว่าทุกสิ่งที่เคยสัมผัส

BMW iX 2022 มาตรฐานใหม่แห่งรถอเนกประสงค์พลังไฟฟ้า พร้อมบวกทุกความท้าทาย ล้ำกว่าทุกสิ่งที่เคยสัมผัส

by Admin clubza.tv

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป BMW iX จะสร้างความตื่นตาตื่นใจบนท้องถนนทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีระดับเรือธงใหม่ล่าสุดจาก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ผสานสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ที่ปลอดมลพิษ เข้าไว้กับความปราดเปรียวแบบสปอร์ต และระยะการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ยาวไกลยิ่งขึ้น มาพร้อมเอกลักษณ์ที่สื่อถึงวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ก้าวล้ำและการออกแบบภายในห้องโดยสารโอ่อ่ากว้างขวาง นับเป็นการสร้างนิยามใหม่เอี่ยมให้แก่รถยนต์อเนกประสงค์ Sports Activity Vehicle (SAV) ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% BMW iX จึงนับเป็นการปูรากฐานสู่นวัตกรรมแห่งอนาคต เตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ รวมถึงการทำงาน การเชื่อมต่อ และบริการด้านดิจิทัลต่างๆ ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียมที่เหนือกว่ายนตรกรรมอื่นๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน

BMW iX 2022

BMW iX จะเปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกด้วย 2 รุ่นย่อย ซึ่งมาพร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า สำหรับ BMW iX xDrive50 ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 523 แรงม้า (อัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 23.0 – 19.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 0 กรัม/กิโลเมตร) และสำหรับ BMW iX xDrive40 ส่งพละกำลังสูงสุด 326 แรงม้า (อัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 22.5 – 19.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 0 กรัม/กิโลเมตร) ประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนเมื่อทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ใหม่ล่าสุด มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 630 กิโลเมตร สำหรับ BMW iX xDrive50 และ 425 กิโลเมตร สำหรับ BMW iX xDrive40 นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังเตรียมเปิดตัว BMW iX M60 มาร่วมไลน์อัพ (อัตราการใช้ไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP อยู่ที่ 21.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 0 กรัม/กิโลเมตร) เพื่อมอบพลังสูงสุดถึง 600 แรงม้า ที่พร้อมสร้างประสบการณ์ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบสปอร์ตเร้าใจอย่างเต็มพิกัด (ข้อมูลการส่งกำลังของมอเตอร์และอัตราการใช้ไฟฟ้าของ BMW iX M60 เป็นการคาดการณ์โดยใช้ข้อมูลของรถยนต์ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา)

ความสมดุลแห่งการขับขี่

โครงสร้างตัวถัง ปรัชญาการดีไซน์ และการออกแบบแชสซีของ BMW iX ได้รับการพัฒนาเพื่อหลอมรวมความสะดวกสบายเหนือระดับในการขับขี่และการควบคุมที่โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต โครงสร้างของ BMW iX มาในวัสดุอลูมิเนียมแบบ Spaceframe ส่วนหลังคามาในโครงสร้าง Carbon Cage ซึ่งประกอบด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์บริเวณด้านข้างและด้านหลัง ผสานการใช้วัสดุสองประเภทเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเสริมทั้งความแข็งแกร่งและลดน้ำหนักให้เบาลงได้อย่างชาญฉลาด ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient) ที่ต่ำเพียง 0.25 จากองค์ประกอบด้านอากาศพลศาสตร์ต่างๆ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์และระยะการขับขี่ด้วยเช่นกัน แบตเตอรี่แรงดันสูงใน BMW iX ที่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง เมื่อประสานเข้ากับการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลจึงทำให้ตอบสนองต่อการควบคุมได้ฉับไวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รูปแบบการขับขี่ที่มีความสมดุลของ BMW iX ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงและความสบายขณะขับขี่ ขณะที่ยังคงความคล่องตัวไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

เทคโนโลยีแชสซีที่ใช้ในการพัฒนา BMW iX ประกอบด้วย เพลาหน้าแบบปีกนกคู่ เพลาหลังแบบ five-link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมอย่างระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) และเบรกแบบสปอร์ต BMW iX มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว เป็นมาตรฐาน โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นล้อ Air Performance ขนาด 21 และ 22 นิ้ว ได้ตามต้องการ เสริมด้วยยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียง

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้าและระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation)

BMW iX มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า ส่งแรงบิดด้วยกำลังที่พอเหมาะลงสู่ล้อหน้าและล้อหลังในทุกสภาวะการขับขี่ ระบบการควบคุมที่ชาญฉลาดส่งกำลังแบบแปรผันได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการส่งกำลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนล้อหลัง ตลอดจนการเพิ่มแรงดึงเพื่อป้องกันการลื่นไถลขณะขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยเทคโนโลยีป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ที่ได้รับการติดตั้งควบคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อและเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ โดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการมอเตอร์ ซึ่งป้อนข้อมูลที่แม่นยำและฉับไวเพื่อขับเคลื่อนรถยนต์อยู่ตลอดเวลา แม้ขณะขับขี่ในสภาพอากาศหรือสภาวะถนนที่มีความท้าทาย BMW iX xDrive50 สามารถโลดแล่นด้วยความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.6 วินาที ขณะที่ BMW iX xDrive40 เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที

BMW iX xDrive50 สร้างอัตราเร่งที่เหนือชั้น 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วิ.

ระบบการขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูงที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียว

เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งมาใน BMW iX นั้น มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนซึ่งรวมมอเตอร์ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเกียร์ไว้ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน การสร้างโครงข่ายของระบบการขับเคลื่อนไฟฟ้าที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเช่นนี้ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นและศักยภาพของกำลังไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่ระหว่างเพลาหน้าและเพลาท้ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด

BMW iX ใช้มอเตอร์สองตัวที่ทำงานด้วยหลักการของมอเตอร์ซิงโครนัสที่กระตุ้นด้วยไฟฟ้า แทนที่จะเป็นแม่เหล็กแบบในมอเตอร์ทั่วไป จึงสร้างแรงบิดรวมได้สูงสุดถึง 630 นิวตัน-เมตร สำหรับ BMW iX xDrive40 และ 765 นิวตัน-เมตร สำหรับ BMW iX xDrive50

การนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน ตั้งค่าได้ตามความต้องการเฉพาะบุคคล

ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพและระยะการขับขี่ของ BMW iX ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น เมื่อรถเข้าใกล้ทางแยก ระดับการดึงพลังงานกลับมาใช้ใหม่จะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังก์ชั่น Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง

ระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผันนี้ (Adaptive recuperation) ได้รับการตั้งค่ามาให้ทำงานเมื่อเข้าเกียร์ D แต่ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการ ระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ ในระดับสูง ระบบ Recuperation จะทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ B สร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับการไหลเวียนของพลังงานจะแสดงผลผ่านจอ Control Display ขณะขับขี่ในทุกตำแหน่งเกียร์ นอกจากนี้ ระบบนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติ Efficiency Trainer ที่แนะนำเคล็ดลับในการขับขี่แบบประหยัดพลังงานมากที่สุด พร้อมแสดง Range Horizon เพื่อวิเคราะห์ระดับพลังงานของแบตเตอรี่แรงดันสูงโดยอ้างอิงจากสไตล์การขับขี่

แบตเตอรี่ 105.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จจาก 10-80% ได้ใน 35 นาที

แบตเตอรี่แรงดันสูงที่มาพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ใหม่ล่าสุด

เทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ห้ายังมาพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ใช้เทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ใหม่ล่าสุด ความสามารถในการกักเก็บพลังงานในระดับเซลล์เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ใช้ใน BMW i3 รุ่นปี 2020 โดย BMW iX xDrive50 มาพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุพลังงานสุทธิ 105.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ความจุพลังงานรวม 111.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงใน BMW iX xDrive40 มีความจุพลังงานสุทธิ 71 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ความจุพลังงานรวม 76.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) นอกจากนี้ BMW iX ยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน แบตเตอรี่แรงดันสูงและระบบขับเคลื่อนทำงานด้วยปั๊มความร้อนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิการทำงานของแบตเตอรี่แรงดันสูง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยความเร็วสูง

หัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 200 กิโลวัตต์ (BMW iX xDrive50) หรือ 150 กิโลวัตต์ (BMW iX xDrive40) เพิ่มความเร็วในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ภายใน 35 นาที สำหรับ BMW iX xDrive50 และภายใน 31 นาที สำหรับ BMW iX xDrive40 อีกทั้งยังเพิ่มระยะขับขี่ได้สูงสุดถึง 150 กิโลเมตร ใน BMW iX xDrive50 และมากกว่า 95 กิโลเมตร ใน BMW iX xDrive40 หลังชาร์จแบตเตอรี่ที่มีระดับพลังงาน 10% แบบ DC fast-charging เพียง 10 นาที

ครั้งแรกของระบบ BMW iDrive เจเนอเรชั่นใหม่ 

หน้าจอแสดงผลและระบบทำงาน iDrive เจเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน BMW iX ต่อยอดการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ที่ออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับจอระบบสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display รองรับการโต้ตอบด้วยเสียงกับ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า โดยจอ BMW Curved Display เป็นกลุ่มจอแสดงผลดิจิทัลซึ่งประกอบไปด้วย จอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว รวมเข้าด้วยกันภายใต้แผงกระจกชิ้นเดียวที่หันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ดิจิทัลมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และแสดงกราฟฟิกดีไซน์ใหม่ขณะสื่อสารกับผู้ใช้งาน

ระบบ My Modes ใหม่ ขยายการตั้งค่าต่างๆ ของรถยนต์ให้ครอบคลุมประสบการณ์ขับขี่ทุกรูปแบบ โดยสามารถอัพเกรดระบบหรือซื้อบริการเพิ่มเติมจาก BMW ConnectedDrive Store ได้ด้วยตนเองผ่านคุณสมบัติ Functions onDemand ซึ่งติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ได้แบบไร้สาย และอัพเดตซอฟต์แวร์ล่าสุดได้ตลอดเวลา ระบบนำทางซึ่งประกอบด้วย BMW My Maps และ Augmented Reality Video แสดงผลทางจอ Control Display และทำงานบนระบบคลาวด์ จึงวางแผนเส้นทางได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ให้ผู้ขับขี่ค้นหาเส้นทางได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ ตัวรถใช้เทคโนโลยี 5G ในการรับส่งข้อมูล อีกทั้งยังสามารถส่งข้อมูลจากมือถือไปยังรถยนต์โดยใช้ eSIM ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่บุกเบิกมาพร้อมกับ BMW iX    

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่หลากหลาย

ชุดเทคโนโลยีใหม่ใน BMW iX ยังปูทางสู่การพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบช่วยเหลือการเข้าที่จอดต่างๆ เพื่อก้าวสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 มาพร้อมเซนเซอร์เจเนอเรชั่นใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่ และแพลตฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลัง ใช้กล้อง 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว และอัลตร้าโซนิกเซนเซอร์ 12 ตัว ในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน

BMW iX ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และนวัตกรรมหลากหลายที่สุด เหนือกว่ารถยนต์ทุกรุ่นจากบีเอ็มดับเบิลยู ระบบเตือนการชนด้านหน้าสามารถตรวจจับการจราจรหน้ารถได้ขณะเลี้ยวซ้าย (สำหรับประเทศที่รถยนต์ขับด้านขวา) หรือตรวจจับจักรยานและคนเดินเท้าได้ขณะเลี้ยวขวา ลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Steering and Lane Control Assistant ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go รวมถึงอีกสองระบบใหม่ล่าสุดอย่าง ระบบเตือนขณะเปิดประตูรถ ในกรณีที่มีจักรยานหรือคนเดินเท้าอยู่ใกล้ประตูรถ (Exit warning function) และระบบ Remote Theft Recorder ซึ่งมาเสริมการทำงานของระบบที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานอย่างระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) ซึ่งประกอบด้วยกล้องมองหลัง (Reversing Assist Camera) และระบบช่วยถอยหลัง (Reversing Assistant)

ห้องโดยสารเน้นความหรูหรา โอ่โถง ไฮไลท์อยู่ที่การเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาเป็นส่วนประกอบ

รูปโฉมล้ำยุคหรูหรา ภายในโอ่อ่ากว้างขวาง

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ใหม่ที่ไม่ซ้ำใครของ BMW iX คือ ดีไซน์ภายนอกที่มีเส้นสายในการออกแบบชัดเจนทรงพลัง แต่ยังมีความเรียบง่าย และคงความบึกบึนสไตล์ SAV รายละเอียดขององค์ประกอบต่างๆ สื่อถึงความประณีตและความหรูหราล้ำยุค โดดเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่เกือบปิดทึบ สะท้อนถึงนวัตกรรมการผลิตที่ล้ำสมัย ส่วนกล้องและเรดาร์เซนเซอร์ฝังอยู่ภายใต้พื้นผิวของกระจังหน้า

การออกแบบภายในห้องโดยสารนำเสนอแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางและเบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรายิ่งขึ้น มีพื้นที่วางขามากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องมีท่อส่งน้ำมันกลางตัวรถ ซึ่งยังช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ คอนโซลกลางมาในดีไซน์เทียบเคียงเฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัสและระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ rocker switch เติมเต็มความทันสมัยยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยพวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมและจอ Head-Up Display

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟิลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ซึ่งใช้ควบคุมการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องโดยสาร รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งและพวงมาลัย มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System ที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะ และระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชั่นสั่นตามเสียงเบสในเบาะหน้า

นอกจากระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน BMW iX ยังมาพร้อมเสียงประกอบการขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่ทุกครั้งที่เร่งความเร็ว ฟังก์ชั่น BMW IconicSounds Electric ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน ยังมาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans Zimmer

ผลิตด้วยพลังงานสะอาด 100% เอาใจใส่การคัดสรรชิ้นส่วนทุกขั้นตอน ใช้วัสดุจากธรรมชาติและรีไซเคิล ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เมืองดิงกอลฟิง

BMW iX ผลิต ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในเมืองดิงกอลฟิง ซึ่งทั้งตัวรถและเซลล์แบตเตอรี่ผลิตด้วยพลังงานสะอาดทุกขั้นตอน โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้จัดหาแร่ธาตุโคบอลต์และลิเธียม ซึ่งใช้สำหรับการผลิตแบตเตอรี่แรงดันสูง จากแหล่งผลิตภายใต้การควบคุมในประเทศออสเตรเลียและโมร็อคโค จากนั้นจึงส่งตรงไปยังผู้ผลิตแบตเตอรี่แรงดันสูง ปรัชญาในการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูยังหลีกเลี่ยงการใช้แร่แรร์เอิร์ธในโรเตอร์ของระบบขับเคลื่อน และใช้อลูมิเนียมที่ผลิตในโรงงานซึ่งใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์

กระบวนการผลิต BMW iX ยังครอบคลุมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้อลูมิเนียมที่ผ่านกระบวนการหล่อและนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ในปริมาณมาก ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยวัสดุไม้ที่รับรองจาก FSC หนังฟอกด้วยสารสกัดจากใบมะกอก และยังมีส่วนประกอบจากธรรมชาติอื่นๆ อีกมากมาย และยังใช้แหจับปลาที่ผ่านการรีไซเคิลเป็นหนึ่งในวัสดุสำหรับผลิตพรมปูพื้นรถอีกด้วย


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy