จะเรียกว่าเป็นช่วง “ขาขึ้น” ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็ว่าได้ ในช่วง 1-2 ปี นี้ ความต้องการ รถ EV ของผู้ใช้เพื่มขคึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในสาเหตุก็คือ การมอบส่วนลดสนับสนุนจากทางภาครัฐ ส่งผลให้บรรดาค่ายต่างๆ มีการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบรนดืผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานในบ้านเราอย่าง MG ที่เปิดตัว MG ES พร้อมเปิดรับจองรถตู้ e-MPV รุ่นแรกของประเทศไทย ในชื่อ MG Maxus 9 หรือจะเป็นค่ายน้องใหม่มาแรง ที่เซอร์ไพรซ์แฟนๆ ด้วยการเผยโฉม พร้อมประกาศราคา BYD Dolphin เวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาครั้งแรกในโลก
แม้ว่ากลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเปิดใจและเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาเพื่อใช้งาน แต่ก็ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังรู้สึกเป็นกังวล กับการใช้รถ EV ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะการเดืนทาง, จุดชาร์จ รวมถึงราคาชิ้นส่วนอะไหล่ โดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ ที่บ่อยครั้งเรามักจะเห็นการนำเสนอข่าวการเกิดอุบัติเหตุที่ดูจะไม่ได้มีความรุ่นแรงมากนัก ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่กลับมีการนำสนอราคาในการเคลมแบตเตอรี่ แบบที่ประโคมข่าวกันว่า…ถึงกับต้องคืนซากรถ เนื่องจากราคาของตัวแบตเตอรี่นั้น เกินราคาทุนประกันไปไกล ซึ่งเพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายมากขึ้น ในโอกาสนี้ #ทีมขับซ่า ขอนำเสนอตัวอย่างราคาแบตเตอรี่ สำหรับรถ EV รุ่นยอดนิยมในเมืองไทย ในระดับ +- 1 ล้านบาท ให้ได้ทราบไว้เป็นข้อมูล
ราคาแบตเตอรี่ของรถ EV ในงบ +- 1 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน
แบรนด์ – รุ่นรถ | ความจุแบตเตอรี่ (kWh) | ราคา (บาท) | เบี้ยประกัน (บาท) | การรับประกัน (ปี / กม.) |
MG EP MG ZS EV MG 4 Electric MG ES | 50.3 50.3 51 51 | 450,000 450,000 525,000 NA | 21,000-32,000 | 8 / 180,000 |
Ora Good Cat 400 Ora Good Cat 500 Ora Good Cat GT | 47.8 63.1 63.1 | 445,000 580,000 580,000 | 25,000-32,000 | 8 / 180,000 |
BYD Atto 3 Std Range BYD Atto 3 Extend Range BYD Dolphin | 49.9 60.4 44.9 | 528,730 656,030 NA | 24,000-37,000 | 8 / 160,000 |
ด้วยราคาแบตเตอรี่ที่สูง บวกกับการนำเสนอข่าวการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง ซึ่งดูมีต้นทุนที่สูงเกินความเป็นจริง ทำให้บริษัทประกับภัยพยายามใช้ช่องว่างในจุดนี้ เพื่อคำนวนเบี้ยประกันภัยในระดับที่สูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลของรถ EV ที่มีการจดทะเบียนในประเทศไทยทั้งสิ้น 16,768 คัน มีเคสที่เกิดออุบัติเหตุจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เพียง 5 คัน หรือคิดเป็นเพียง 0.029% เท่านั้น ซึ่งถือเป็น % ที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศไทย โดยในบางเคสที่มีการเกิดอุบัติเหตุในลักษณะที่อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดปัญหากับตัวแบตเตอรี่ จะต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินความเสียหายจากศูนย์บริการ หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว สามารถเปลี่ยนอะไหล่เฉพาะส่วนเพื่อให้ใช้งานต่อได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบยกเซ็ตแบบที่หลายคนกังวล