ในบรรดายนตรกรรมระดับท็อปคลาส พวกเขามักจะประกาศศักดากันด้วยการพาตัวเองมาทำลายสถิติเวลาต่อรอบใน Nurburgring สังเวียนแห่งความท้าทายที่พร้อมยกระดับความเป็นที่สุดของรถที่ถูกนำมาทดสอบ ซึ่งถ้ายิ่งสามารถทำเวลาในระดับที่เป็นสถิติด้วยแล้วล่ะก็…แทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของรถคันนั้นให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย โดยในฝั่งของรถที่เร็วที่สุดใน Nurburgring ล่าสุดเพิ่งมีการทำลายสถิติไปโดย Porsche 911 GT2 RS Manthey Performance ซึ่งตอกเวลาไว้ที่ 6:43.30 นาที
Audi RS3 Sedan คอมแพคคาร์ที่เร็วที่สุดใน Nürburgring Nordschleife
Frank Stippler กับเวลา 7:40.748 นาที ด้วยรถ Audi RS3 Sedan
ไม่ใช่แค่บรรดาซูเปอร์คาร์เท่านั้น ที่ใช้สังเวียนแห่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ด้านคุณภาพและสมรรถนะ แต่ยังรวมไปถึงบรรดารถประเภทอื่นๆ เช่น ซีดาน, รถขับเคลื่อนล้อหน้า หรือแม้แต่ฝั่งคอมแพคคาร์ ที่ล่าสุดมีการทำลายสถิติเวลาต่อรอบใน Nürburgring Nordschleife กันอีกครั้ง โดยในคราวนี้เป็นทีของสปอร์ตคอมแพคซีดานจากค่ายสี่ห่วง Audi RS3 Sedan ซึ่งขับโดย Frank Stippler และสามารถทำเวลาเอาไว้ที่ 7:40.748 นาที ในระยะทาง 20.8 กม. (มาตรฐานการจับเวลาต่อรอบแบบล่าสุด) แม้จะช้ากว่ารถที่เร็วที่สุดอย่าง Porsche 911 GT2 RS Manthey Performance อยู่ถึงเกือบ 1 นาที !!! แต่ก็…เร็วพอสำหรับการครองตำแหน่ง King of Compact Car ในสังเวียน Green Hell โดย Audi RS3 Sedan ทำเวลาได้เหนือกว่าเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Renault Megane RS Trophy-R (7:45.38 นาที) ได้ถึง 4.6 วินาที (แต่ Renault เป็นรถที่ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และมีพละกำลังที่ต่ำกว่า) ส่วนคู่แข่งโดยตรงอย่าง Mercedes-AMG CLA 45 S ยังไม่มีการวิ่งทำสถิติอย่างเป็นทางการ แต่หากวัดกันด้วยตัวเลขเวลาต่อรอบใน Nürburgring Nordschleife อย่างไม่เป็นทางการแล้ว CLA 45 S ยังเป็นรอง Audi RS3 Sedan อยู่เล็กน้อย
หัวใจหลักที่ทำให้ Audi RS3 Sedan สามารถครองตำแหน่ง King of Compact Car ใน The Ring ได้ คงหนีไม่พ้นขุมพลังแบบ 5 สูบ TFSI พิกัด 2.5 ลิตร ให้แรงม้า 400 ตัว พร้อมกับแรงบิดถึง 500 นิวตัน-เมตร โดยจับคู่กับชุดส่งกำลัง Dual Clutch S-Tronic 7 สปีด ขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ทำความเร็วจากจุดหยุดนิ่ง ถึงที่ความเร็ว 100 กม. ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 290 กม./ชม. (ปลดล็อคแล้ว) สิ่งที่มีการอัพเกรด Audi RS3 Sedan เพื่อให้สามารถวิ่งทำเวลาได้ดีมากขึ้น คือ การเปลี่ยนมาใช้ยางแบบกึ่งสลิค Pirelli P Zero Trofeo R, ปรับเซ็ตช่วงล่างใหม่ด้วยชุดโช้กอัพแบบ Adaptive ในชื่อ RS Sport Plus, ชุดเบรกคาร์บอนเซรามิค พร้อมจานขนาด 380 มม. รวมถึงชุด RS Torque Splitter ที่ช่วยปรับเรื่องการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้ออย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถทำเวลาได้ดีที่สุด โดย Frank Stippler นักขับทดสอบของ Audi Sport ผู้อยู่หลังพวงมาลัย และพา Audi RS3 Sedan คันนี้ ทำสถิติได้สำเร็จ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ระบบ RS Torque Splitter มีส่วนช่วยให้ตัวรถ Audi RS3 Sedan เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ RS Performance ก็จะสามารถสำแดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยมีการกำหนดรูปแบบของพื้นผิวในสนามแข่งไว้ 2 รูปแบบ ซึ่งแบบหนึ่งก็คือ การเซ็ตเพื่อให้เหมาะกับพื้นแทร็กที่ไม่เรียบกริ๊บอย่างในสนาม Nürburgring นั่นเอง”
จากภาพที่เราเห็น Audi RS3 Sedan ในลายพรางสีเขียว เป็นเพราะการทำสถิติดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ตัวรถ Audi RS3 Sedan จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นั่นเอง โดยราคาของ Audi RS3 Sedan ในยุโรป จะอยู่ที่ 62,000 ยูโร (สูงกว่า Audi RS3 Sportback 2,000 ยูโร)
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Carscoop, Motor 1
