Home » ส่อง 10 รถ EV น่าจัด ! ในงาน Motor Expo 2023 รับโค้งสุดท้ายมาตรการสนับสนุน EV 3.0

ส่อง 10 รถ EV น่าจัด ! ในงาน Motor Expo 2023 รับโค้งสุดท้ายมาตรการสนับสนุน EV 3.0

by Admin clubza.tv
ส่อง 10 รถ EV น่าจัด ! ในงาน Motor Expo 2023

Motor Expo 2023 เปิดฉากตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 โดยงานในปีนี้ คราคร่ำไปด้วยยนตรกรรมใหม่ๆ หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ในปีนี้ค่ายต่างๆ ทั้งจากยุโรป เอเซีย และประเทศจีน ต่างขนไม่เด็ดมาอวดโฉม พร้อมทั้งเปิดราคาจำหน่าย และเปิดให้จับจองกันอย่างคับคั่ง ส่งท้ายมาตรการสนับสนุน EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดลงภายในปีนี้ ก่อนที่จะส่งไม้ต่อสู่ EV 3.5 ในปีต่อไป และเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย นี่คือ 10 รถ EV ที่คุณห้ามพลาดในงาน Motor Expo ครั้งนี้

10. Hyundai Ioniq 5

เป็นหนึ่งในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทางค่ายขนมาให้สาวก EV ชาวไทยได้ยลโฉมกันหลายต่อหลายครั้ง แต่การมาในครั้งนี้…พิเศษกว่านั้น คือ มีการเปิดราคาออกมาอย่างเป็นทางการ โดย Hyundai Ioniq 5 มีราคาเริ่มต้นที่ 1.699 ล้านบาท สำหรับรุ่น Premium ซึ่งหากพิจารณาจากองประกอบ ดูจะไม่ใช่ราคาที่เวอร์จนเกินจริง ด้วยโครงสร้างทางภาษีในการนำเข้าจากประเทสเกาหลี ซึ่งเสียเปรียบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่นำเข้าจากประเทศจีน แต่หากพิจารณาไปถึงรุ่น First Edition ที่มีราคาสูงที่สุดถึง 2.399 ล้านบาท ดูอาจจะยังสร้างแรงดึงดูดได้ไม่เพียงพอ กับทางเลือกที่เปิดกว้างของคู่แข่งในหลากหลายแบรนด์ทั้งอเมริกัน รวมถึงยุโรป ในระดับราคานี้

9. Neta GT

ความน่าสนใจในการถือกำเนิดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า คือ การเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สัมผัสสมรรถนะ รวมถึงเทคโนโลยีการขับขี่ในระดับสูง ภายใต้ค่าตัวที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยากนัก ซึ่ง Neta GT ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่เกิดมาเพื่อวัตถุประสงค์นั้นอย่างแท้จริง ตัวรถให้ภาพลักษณ์ที่โดดเด่น จับคู่กับเทคโนโลยีขับเคลื่อนชั้นสูง ให้พละกำลังในระดับตั้งแต่ 228 จนถึง 456 แรงม้า สำหรับรรุ่นที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ Dual Motor นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารสุดล้ำ เต็มตาด้วยชุดหน้าจอกลางที่มีขนาดถึง 17.6 นิ้ว โดยนอกจากภายในงาน จะมีรุ่น Coupe มาให้ชมกันแล้ว ทางค่ายยังจัดรุ่นเปิดประทุนมาเซอร์ไพรซ์แฟนๆ อีกด้วย

8. BYD Atto 3

แม้จะไม่ใช่รถ EV น้องใหม่ในตลาด แต่ BYD Atto 3 กลับสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการได้อย่างน่าสนใจ โดยหลังจากที่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางค่ายประกาศอัพเดทโปรโมชั่นล่าสุดสำหรับครอสโอเวอร์ EV รุ่นนี้ไปก่อนหน้า แต่สำหรับในงาน ผู้ที่ซื้อ BYD Atto 3 ทั้งในรุ่น Standard และ Extended Range จะได้รับเงินคืนอีก 100,000 บาท พร้อมทั้งได้รับเครื่องชาร์จากแบรนด์ ABB (แทนเครื่องชาร์จ Autel ที่มีการอัพเกรดไปก่อนหน้า) ซึ่งสำหรับดีลนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาส่งท้ายมาตรการสนับสนุน EV 3.0 ถือว่า…คุ้มค่าจนยากที่จะปฏิเสธ

7. Mercedes-EQE 350 4Matic  SUV

หนึ่งในยนตกรรมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีในการขับเคลื่อน ซึ่งให้ทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพ รวมถึงสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ เดิมที EQE SUV เปิดตัวด้วยรุ่นย่อย AMG Dynamic ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นท็อปของตระกูล ก่อนที่ในไม่กี่อึดในจะเผยโฉมอีก 2 รุ่นย่อย นั่นคือ AMG Line และ Electric Art ที่มีการเซ็ตออพชั่น รวมถึงสไตลืการตกแต่งที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สมรรถนะการขับขี่ของ Mercedes-EQE 350 4Matic  SUV ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันด้วยการใช้มอเตอร์คู่ ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 292 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 765 นิวตัน-เมตร จับคู่กับชุดแพ็คแบตเตอรี่ขนาด 90.6 kWh รองรับการเดินทางต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP และเป็น SUV ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6.6 วินาที เท่านั้น

6. Neta X

หากถามว่ากลุ่มรถคลาสไหนที่มีการแข่งขันกันสูงที่สุดในประเทศไทย คงหนีไม่พ้นรถในกลุ่ม B-SUV โดยในปัจจุบันมีคู่แข่งมากมายทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์สันดาป, ไฮบริด หรือแม้แต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในปีหน้าอาจจะมีตัวเลือกอย่าง Neta X เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของรถในกลุ่มนี้ โดยสิ่งที่เราได้เห็นภายในงาน Motor Expo ครั้งนี้ คือ การที่ Neta X มาในเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวา ซึ่งดูมีความเป็นไปได้สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย สเป็คคร่าวๆ ของตัวรถ คือ มาพร้อมมอเตอร์ที่มีกำลังกว่า 160 แรงม้า จับคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 68 kWh รองรับการเดินทางได้ไกล 500 กม. ต่อชาร์จ (NEDC) อีกทั้งยังสามารถรองรับการชาร์จแบบเร็วสูงสุดถึง 150 kW

5. Changan Deepal L07

การแข่งขันในกลุ่มรถ EV ที่ดุเดือดที่สุดในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นการห้ำหั่นกันของกลุ่มรถในรูปแบบ D-Segment Sedan ซึ่งมีผู้เล่นรายใหญ่ถึง 3 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น BYD Seal ที่ครองตลาดอยู่ก่อนหน้านี้, Ora 07 ที่กำลังเป็นคลื่นลูกใหม่ ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงคู่ท้าชิงน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Changan Deepal L07 ที่โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ วัสดุ รวมถึงการออกแบบฟังค์ชั่นต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวรถมาพร้อมระดับสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่งในระดับเริ่มต้น ด้วยกำลังสูงสุดถึง 258 แรงม้า พร้อมระบบข่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยแบบครบครัน ซึ่งหากเทียบราคากับคู่แข่งแล้ว หากใครที่ยังมองว่าแพงไป…แนะนำให้ลองไปดูคันจริงด้วยตาก่อนตัดสินใจ

4. Mercedes-AMG EQE53 4Matic +

รุ่นแรกของยนตกรรมในเครื่องหมายการค้า Mercedes-AMG ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วน มาพร้อมมอเตอร์คู่ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า พร้อมอับแรงบิดสูงสุด 950 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งจนถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 220 กม./ชม. โดย Mercedes-AMG EQE53 4Matic + มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 90.6 kWh รองรับการเดินทางต่อชาร์จได้ที่ 526 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งนอกจากประสิทธิภาพการขับขี่จะโดดเด่นแล้ว ยังอัดแน่นด้วยสุนทรียภาพในการเดินทาง ด้วยการติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos เพื่อความผ่อนคลายกีบมิติเสียงเสมือนจริงภายในห้องโดยสารอีกด้วย

3. MG Cyberster

MG เปิดตัวรถคอนเซ็ปท์ Cyberster ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้นได้รับความสนใจจากผู้ชมในงานอย่างล้นหลาม พร้อมทำยอดจองได้แบบถล่มทลายภายใต้แคมเปญที่ Prestige Reservation (คูณเงินจองเป็นมูลค่า 10 เท่า หากจองในเวลานั้น) ผ่านมจนถึงวันนี้ ทางค่ายได้เผยโฉม MG Cyberster เวอร์ชั่นเตรียมทำตลาดจริง พร้อมเปิดให้จับจองอีกครั้ง โดยหากวางเงินจอง 10,000 บาท จะได้ส่วนลด 50,000 บาท โดยสเป็คตัวรถที่ถูกนำมาโชว์นั้น ถอือว่าน่าสนใจด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์คู่ ที่ให้กำลังถึง 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.2 วินาที เท่านั้น

2. Ora 07

ตอนแรกก็ดูเงียบๆ เพราะรถในกลุ่มนี้ มีตัวยืนในตลาดที่แข็งแกร่งอย่าง BYD Seal เป็นก้างขวางคออยู่แล้ว อีกทั้งการมาของ Changan Deepal L07 เป็นตัวการสำคัญที่จะมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปอีก แต่หลังจากที่เปิดราคาออกมาแล้ว ต้องยอมรับว่า Ora 07 ดูจะมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี ด้วยภาพลักษณ์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงระดับราคาที่มีช่องว่างในทั้ง 2 รุ่นย่อย โดยในรุ่น Long Range มีข้อได้เปรียบที่ขนาดของแบตเตอรี่ในระดับ 83.5 kWh โดยยังคงเหลือส่วนต่างราคาสำหรับการตัดสินใจ เช่นเดียวกับในรุ่น Performance ซึ่งเปิดราคาต่ำกว่า BYD Seal ถึง 1 แสนบาท พร้อมทั้งให้ระบบช่วยจอดและช่วยถอยหลังมาให้ ในสเป็คกับความเร้าใจระดับนี้ ที่ราคา 1.5 ล้านบาท มีทอน…ถือว่าคุ้มค่า ไม่น้อยเลยทีเดียว

Changan Deepal S07 ส่อง 5 จุดเด่น1. Changan Deepal S07

เป็นความลงตัวที่สุดภายในงาน Motor Expo ครั้งนี้ก็ว่าได้ สำหรับยนตรกรรมในรูปแบบครอสโอเวอร์ขับเคลื่อนล้อหลังอย่าง Changan Deepal S07 แน่นอนว่าจุดเด่นในภาพรวม ยังคงอยู่ที่ดีไซน์ ฟังค์ชั่น และการเลือกใช้วัสดุที่ดูหรูหา ให้สัมผัสความเป็นยนตรกรรมสไตล์ยุโรปได้อย่างไม่ขัดเขิน สำหรับการเปิดราคาในระดับ 1.399 ล้านบาท ที่ในโลกโซเชียลบางแห่งบอกว่า “เตรียมกลับบ้านตามเพื่อนบูธข้างๆ” อยากให้ลองพิจารณาในรายละเอียด ตั้งแต่ขนาดตัวรถ ออพชั่น ความสะดวกสภายภายในห้องโดยสาร แบบได้เห็นงานจริง ก่อนที่จะตัดสินใจแล้วพุดไปแบบแค่สนุกปาก


ข่าวแนะนำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy