เทียบรถ PPV รุ่นเริ่มในตลาด ฟันธงชัดๆ ในงบล้านต้นๆ…คันไหนคือ “จุดอ่อน” งานนี้ยอดขายไม่เกี่ยว มีเอี่ยวแค่ออพชั่น และความคุ้มค่า

หลังจากที่ในครั้งก่อน #ทีมขับซ่า ได้พาไปเจาะรายละเอียดของรถ PPV ตัวท็อป 2 รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็น Nissan Terra ใหม่ และ Toyota Fortuner GR Sport ซึ่งทั้ง 2 คันนั้น มีช่วงราคาอยู่ในระดับล้านกลางๆ – ล้านปลายๆ และมีส่วนต่างกันอยู่ถึง 4 แสนบาท !!! ซึ่งหากพิจารณากันตามความจริงแล้ว การซื้อรถในระดับราคานั้น อาจไม่ใช่ช่วงของราคาที่เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการรถในรูปแบบอเนกประสงค์เพื่อการใช้งาน โดยที่ไม่ได้ซีเรียสในเรื่องพละกกำลัง สิ่งอำนวยความสะดวก รวมตัวช่วยเรื่องความปลอดภัยมากนัก แต่ต้องการรถที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และไม่เป็นภาระสำหรับค่าใช้จ่ายในกระเป๋ามากเกินไป

Nissan Terra 2.3 E 2WD

Toyota Fortuner 2.4G

Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT

Ford Everest 2.0 Turbo Trend

Isuzu Mu X 1.9 Ddi Active (ปล.ภาพจากรุ่น Luxury)

ครั้งนี้  #ทีมขับซ่า จะนำเสนอการเปรียบเทียบรถอเนกประสงค์ในรูปแบบ PPV รุ่นเริ่มต้นของแต่ละค่าย ไปเจาะลึกพร้อมๆ กันว่า สำหรับรถ PPV ในระดับราคาล้านต้นๆ นั้น ค่ายไหนถือว่าจัดออพชั่นมาให้แบบคุ้มค่าที่สุด และค่ายไหนคือ จุดอ่อน สำหรับรถในระดับนี้ งานนี้เราคุยกันแบบตรงๆ ไม่มีคำว่า “ยอดขายเป็นตัวบอกทุกสิ่ง” เพราะเป็น “ความเชื่อ” ที่อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนที่จะเลือกใช้รถทุกคน โดยรถที่จะนำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย Nissan Terra 2.3 E 2WD ราคา 1,199,000 บาท, Toyota Fortuner 2.4G ราคา 1,351,000 บาท, Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT ราคา 1,299,000 บาท, Ford Everest 2.0 Turbo Trend ราคา 1,299,000 บาท และ Isuzu Mu X 1.9 Ddi Active ราคา 1,109,000 บาท

เป็นหนึ่งเรื่องความใหญ่ Ford Everest บอดี้เก่า…แต่ยังเอาอยู่ ! 

แม้ว่าโดยปกติแล้ว การวัดขนาดว่ารถคันไหนใหญ่หรือพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างกว่ากัน มักจะวัดด้วยการใช้ระยะฐานล้อเป็นหลัก แต่สำหรับรถในรูปแบบ PPV หรือรถที่ออกแบบมาให้มีที่นั่งในตอนที่ 3 เรื่องของขนาดความยาว ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจาณาประกอบด้วย จากเหตุผลนี้เอง แม้ Ford Everest 2.0 Turbo Trend จะมีระยะฐานล้อที่สั้นกว่า Isuzu Mu X 1.9 Ddi Active อยู่ 5 มม. กลับมีความกว้าง ยาว และสูงที่มากกว่าอยู่พอสมควร ซึ่งนั่นส่งผลต่อพื้นที่และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร เช่นเดียวกับน้องใหม่อย่าง Nissan Terra 2.3 E 2WD ที่แอบตามมาแบบไม่ห่างนัก ซึ่งจากการวัดสัดส่วนภายใตห้องโดยสาร เทียบกับเบอร์ 1 ในตลาด ที่จมอยู่ท้ายตารางในหัวข้อนี้ ถือว่ามีสัดส่วนที่กว้างกว่ากันแบบชัดเจน แลกมาด้วยภาพลักษณ์ที่ดูสปอร์ต ซึ่งคนส่วนใหญ่มักให้เป็นเหตุผลในการเลือกซื้อ เช่นเดียวกับเรื่องระดับความนิยมและราคาขายต่อ…ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ขับรถออกจากโชว์รูม

ข้อดีของรถที่มีเครื่องเดียว คือ รุ่นเริ่มต้น มาพร้อมพละกำลังในระดับสูงสุด

ในโลกแห่งการแข่งขัน รถที่มีเครื่องยนต์เดียวนั้นได้เปรียบ…เรื่องนี้ Terra เหนือกว่าแบบยากจะปฏิเสธ

โดยปกติแล้ว การแบ่งคลาสของรถตามระดับราคา นอกจากเรื่องของออพชั่น และระบบความปลอดภัยต่างๆ แล้ว จุดที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการแบ่งก็คือ ขนาดและพละกำลังของเครื่องยนต์ ในรุ่นเริ่มต้นจากแบรนด์ที่มีตัวเลือกมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Toyota, Isuzu และ Ford จะมีเครื่องยนต์ใน 2 ระดับ ซึ่งก็แน่นอนว่าในรุ่นเริ่มต้น ที่มีราคาไม่แพง ก็จะได้เครื่องยนต์บล็อคที่มีกำลังน้อยกว่าด้วยพื้นฐานด้านราคา แต่สำหรับค่ายที่มีทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว ต่อให้เป็นรุ่นเริ่มต้น ก็ยังคงได้ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่นบนๆ เช่น ทางฝั่ง Nissan และ Mitsubishi โดยหากพิจารณษแล้ว Nissan เป็นเพียงค่ายเดียวในรถระดับนี้ ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในรูปแบบเทคโนโลโยใหม่ มีการนำระบบ Twin Turbo มาใช้เพื่อเรียกกำลังและความต่อเนื่อง พร้อมสร้างพละกำลังและแรงบิดในระดับสูงสุด หัวข้อนี้ตำแหน่งจ่าฝูงไปครอบแบบไร้ข้อสงสัย แม้จะขัดใจเรื่องภาพลัษณ์ของระบบเบรกที่เป็นหน้าดิสค์ หลังดรัม แต่สุดท้ายคือยังเป็นรายเดียวที่ใส่ระบบ Brake Limited Slip Differential มาให้ทุกรุ่นย่อย ส่วน PPV ยอดขายเบอร์ 1 และ 2  ที่ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรูปแบบดั้งเดิม (แท้ๆ) ด้านพละกำลัง คงไม่รู้จะเอาอะไรมาขิงกับดีเซลยุคกลางเก่ากลางใหม่แบบ Mitsubishi หรือดีเซลยุคใหม่สเป็คเริ่มต้นแบบ Ford โดยเฉพาะฝั่งเบอร์ 2 ดูจะอาการหนักสุด ด้วยระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ยังเป็นรอง (เพราะยังถือว่าขายได้) โดยเป็นเครื่องบล็อคเดียวในคลาสนี้ ที่แรงบิดยังห่างระดับ 400 นิวตัน-เมตร อยู่อีกไกล

ประหยัดสุดอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร จาก Toyota

เครื่องยนต์บล็อค 2.4 ลิตร ของ Fortuner ประหยัดสุดแบบหักปากกาเซียน

เป็นเครื่องบล็อคเดียวในกลุ่ม ที่ระดับแรงบิดยังห่างไกลตัวเลข 400 นิวตัน-เมตร

การใช้เครื่องยนต์บล็อคที่มีความจุต่ำ ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นปัจจัยในการการันตีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดเสมอไป ทั้งนี้…สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองก็คือ เรื่องของสไตล์และวิธีการในการขับขี่ของแต่ละบุคคล แต่หากเราเทียบจากมาตรฐาน โดยใช้เกณฑ์ในการทดสอบของ Eco Sticker จะพบว่า เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ของ Toyota มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำที่สุด สิ่งที่สามารถอธิบายข้อมูลนี้ให้เข้าใจและเห็นภาพง่ายๆ คือ เรื่องระดับของกำลังที่มีให้ใช้…ม้ายิ่งเยอะ ก็ย่อมต้องการอาหารในการเลี้ยงเยอะขึ้นตามไปด้วย จะเห็นได้ว่า Terra ที่มีกำลังสูงที่สุดในคลาส เป็นรถที่มีอัตราสิ้นเปลืองมากที่สุดเช่นกัน ส่วนปัจจัยที่ทำให้ Isuzu เป็นรอง Toyota คือ พื้นฐานด้านแรงบิด ที่พอยิ่งมีแรงบิดมาก ในการเร่งแต่ละครั้ง ย่อมจะใช้ระดับในการรีดอัตราเร่งของเครื่องยนต์ที่ต่ำลงไปด้วย นั่นจึงทำให้…ในขณะที่ต้องการอัตราเร่งเท่ากัน เช่น การเร่งแซงจาก 80-120 กม. ในระดับเวลาเดียวกัน เครื่องยนต์ของ Isuzu ที่มีแรงบิดเป็นรอง ย่อมต้องมีการเติมคันเร่งที่มากกว่า (เพื่อให้ได้เวลาในการเร่งเท่ากัน) ซึ่งด้วยการต้องเติมคันเร่งที่มากกว่านั้นเอง  ส่งผลต่ออัตราเร่งโดยตรง สุดท้าย #ทีมขับซ่า ยังคงย้ำข้อคิดเดิมๆ จะประหยัด ไม่ประหยัด อยู่ที่สไตล์และรูปแบบการขับขี่ของผู้ใช้งานเป็นหลัก

เหนือกว่าคันอื่นๆ ที่ระบบไฟหน้าปรับลำแสงตามการเลี้ยว, ระบบล้างไฟหน้า และที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ภายนอกเน้นครบ เลือกจบกับ Pajero Sport, Terra

เป็นรุ่นเดียวเช่นกัน ที่มาพร้อมไฟหน้าแบบ  4 ดวง

Toyota รุ่นมาตรฐาน จัดวันนี้ รับฟรี…ชุดแต่ง Modellista

ในส่วนของการตกแต่งและอุปกรณ์ภายนอก หลายๆ คันนั้น ถือว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยรถ PPV ที่ให้มาครบที่สุดในระดับราคาเริ่มต้น คือ Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT โดยเหนือกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยไฟหน้าที่ปรับลำแสงตามองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย, มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ พร้อมด้วยชุดฉีดล้างไฟหน้า ส่วนทางฝั่ง Nissan Terra 2.3 E 2WD ก็ชูจุดเด่นที่คันอื่นๆ ไม่มีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้กระจกลดเสียง Acoustic Glass ทั้ง 3 บานหน้า รวมถึงชุดไฟน้าที่มาในรูปแบบ Quad LED ซี่งให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างเหนือกว่า Bi LED ทั่วๆ ไป ด้าน Toyota Fortuner 2.4G ในรุ่นเริ่มต้นที่ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ แต่หลังจากการเติมรายละเอียดในครั้งนี้ มีการเพิ่มชุดแต่ง Modellista มูลค่ากว่า 57,000 บาท แถมมาให้เป็นโปรโมชั่น

สวยในแบบ Mitsu ก็จะหน้าตาประมาณนี้ ปล.ยืมรูปจากตัวขับสี่มาใช้แแป๊รบ

ภายในสูสี…ดูที่ความชอบเป็นหลัก

ออพชั่นภายในห้องโดยสาร สำหรับรถ PPV ในระดับเริ่มต้นนั้น ถือว่าเป็นจุดที่ฟันธงได้ยาก เพราะหลายๆ ออพชั่นถูกลดทอนไปจากรุ่นที่มีราคาสูงกว่า เช่น Nissan Terra 2.3 E 2WD ที่ปรับราคาลงจากรุ่นก่อนมา 1 แสนบาท ของที่ได้มาอาจหายไปในหลายๆ ประการ แต่ในสิ่งที่มีมาให้ก็ยังถือว่าเด่นกว่าหลายรุ่นในรถ PPV เช่น พื้นที่ภายในห้องโดยสาร การจัดวางเบาะนั่งในรูปแบบ Theater Seat, หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ 7 นิ้ว พร้อม Off Road Meter รวมถึงช่องเชื่อมต่อ USB แบบ Type C ส่วนคู่แข่งทั้ง Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT, Toyota Fortuner 2.4G และ Ford Everest 2.0 Turbo Trend เหนือกว่าเรื่องวัสดุที่ใช้, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกโซน โดยรถที่มีออพชั่นแบบดูเยอะที่สุด ยังคงเป็น Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT และรถที่ให้น้อยที่สุด คือ Isuzu Mu X 1.9 Ddi Active ทั้งเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ความบันเทิง ที่ยังไม่เป็นหน้าจอสัมผัสเหมือนคันอื่นๆ

ถ้าไม่นับ Mu X ระบบความบันเทิงสำหรับคันอื่นๆ ถือว่าสูสี โดย Everest มีดีกว่านิดๆ ที่ Sync 3 ลำโพง 8 ตำแหน่ง และ Wifi

เทียบออพชั่นความบันเทิงรถ PPV รุ่นเริ่มต้นในตลาด

เยอะสุด ไม่ต้องสงสัย และเป็นคันเดียวที่มีระบบ Active Safety

ยืน 1 เรื่องความปลอดภัย ยกให้ Terra ใหม่ แบบไร้ข้อกังขา 

หากดูจากข้อมูลในตาราง ถือว่าฟันธงได้ไม่ยาก หากจะว่ากันด้วยเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย ด้วยเหตุผลที่ Nissan Terra 2.3 E 2WD ใส่ระบบ Active Safety ที่ทุกรุ่นไม่มีเพิ่มเข้ามาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเตือนก่อนการชน พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานแบบข้ามช็อตโดยจับระยะจากรถที่อยู่ห่างเป็นคันที่ 2 ในด้านหน้า นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนออกนอกเลน และระบบเตือนอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ ในขณะที่คันอื่นๆ ทั้ง Pajero Sport, Everest และ Fortuner ดูจะต่างกันเพียงเล็กและครบด้วยระความปลอดภัยพื้นฐาน เว้นแต่ Isuzu Mu X 1.9 Ddi Active ที่นอกจากจะให้เบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold Brake รวมถึงระบบควบคุมความเร็วในการลงทางชันแล้ว ยังไม่ถือว่ามีฟังค์ชั่นความปลอดภัยที่น่าสนใจเพียงพอ โดยเฉพาะถุงลมนิรภัย ที่มีมาให้เพียง 2 ใบ เฉพาะผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าเท่านั้น ซึ่งหากไม่คาดหวังอะไรอาจดูเหมือนไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยที่อยู่ในระดับมาตรฐานสำหรับรถยุคปัจจุบันสักหน่อย อาจจะต้องขยับไปเล่นในรุ่นย่อยที่สูงกว่านี้

ราคา ไม่ใช่คำตอบเสมอไป ส่วนต่างกับสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาสิ…ที่น่าสนใจ

ในภาพรวม…หากถ้าว่า PPV ยัดของมาให้แน่นที่สุด รวมถึงระบบเครื่องยนต์ที่มาในรูปแบบ “บล็อคเดียว” ที่มีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับรุ่นใหญ่กับค่ายอื่นๆ ได้แบบสมน้ำสมเนื้อ คงต้องยอมรับว่า Mitsubishi Pajero Sport 2WD GT นั้น ดูจะเป็นรถที่ให้ของมามากที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นรถที่คุ้มค่าที่สุดไปด้วย เพราะถ้าหากมองในแง่ส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มจาก Nissan Terra 2.3 E 2WD อีก 1 แสนบาท เทียบกับเครื่องยนต์ องค์ประกอบที่ได้ ที่แม้จะไม่ได้เด่นด้วยคอสเมติกมากมาย แต่ของใหญ่ๆ ถือว่าให้มาครบ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่าอย่างไม่รู้จะหาเหตุใดมางัดข้อ ทำให้ Terra ดูจะตอบโจทย์ในเรื่องความ “คุ้มค่า” ได้อย่างไม่ต้องลังเลใจ แม้ว่าจะมี Isuzu Mu X 1.9 Ddi Active ที่ราคาต่ำกว่าอยู่อีก 80,000 บาท แต่ในส่วนต่างอันนั้น ไม่มากพอที่จะซื้อความต่างในด้านคุณภาพการขับขี่ ทั้งจากเครื่องยนต์ที่พละกำลังยังรั้งท้ายในคลาส อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสกการเดินทางภายในห้องโดยสารที่ไม่คู่ควรกับความเป็นรถยุค 2020 รวมถึงความปลอดภัยดูจะขาดอุปกรณ์พื้นฐาน ซึ่งแน่นอนว่า…ชีวิตคุณและคนโดยสารภายในรถ มีค่ามากกว่าส่วนต่างแค่ 80,000 บาท ตรงนี้อย่างแน่นอน