สำหรับนักเล่นรถยนต์ที่เป็นสายแต่ง สายซิ่ง สิ่งแรกที่เกือบทุกคนจะทำ เวลาที่ออกรถใหม่มาก็คือ การเปลี่ยนล้อแม็กเพื่ออัพเกรดภาพลักษณ์ รวมถึงยกระดับสมรรถนะให้ตัวรถสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ณ ปัจจุบันมีล้อแม็กแบรนด์ต่างๆ ทำออกมาขายกันมากมาย ในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายราคา ตามแต่ความต้องการและงบประมาณที่พร้อมจะจ่าย ซึ่งก็แน่นอนว่า ประสิทธิภาพ รวมถึงคุณสมบัติก็ย่อมที่จะต่างกันไปตามราคา
บรรดาล้อแม็กที่ “นักเล่นตัวจริง” หลายๆ คนยังคงให้ความสนใจ ด้วยประสิทธิภาพและความสวยงามในระดับสูงสุด คงหนีไม่พ้นล้อแม็กแบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่นหรือยุโรป ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว สิ่งที่ล้อแม็กเหล่านี้ให้ได้ก็คือ ความแข็งแรง ทนทาน และยังมีน้ำหนักเบา ภายใต้กรรมวิธีการผลิตที่ใส่เทคโนโลยีเข้าไปมากกว่า โดยล้อแม็กแบรนด์ชั้นนำที่มีราคาสูงและมีน้ำหนักที่เบา ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Forged ซึ่งเป็นการใช้เครื่องปั๊มอัดขึ้นรูป ซึ่งต่างกับล้อในรูปแบบทั่วๆ ไป ที่ใช้กรรมวิธีการ Cast หรือ การหล่อขึ้นรูป โดยล้อแม็กที่ทำขึ้นด้วยกรรมวิธี Forged จะมีความหนาแน่นที่สูงกว่า ทำให้ไม่ต้องใช้เนื้อโลหะมาก ก็สามารถสร้างความแข็งแรงได้อย่างน่าประทับใจ ส่งผลโดยตรงต่อเรื่องของน้ำหนักที่เบากว่าล้อในรูปแบบ หล่อขึ้นรูป อย่างชัดเจน หรือในบางแบรนด์ อาจใช้กรรมวิธีแบบ Old School โดยใช้วัสดุ Magnesium Alloy (อันเป็นที่มาของคำว่า ล้อแม็ก) ซึ่งมีราคาสูง มีค่าความแข็ง และมีน้ำหนักที่เบากว่า (เนื่องจากความหนาแน่นน้ำกว่าอลูมิเนียม) แทนที่ Aluminum Alloy แบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
เคยสงสัยกันไหมว่า ล้อแม็ก ล้อเทพๆ ที่มีขายกันอยู่ ณ ปัจจุบัน ในขนาดที่เท่ากัน ล้อรุ่นไหนมีน้ำหนักเบาที่สุด หากเทียบกับล้อรุ่นอื่นๆ ในขนาดเกีวกัน ในครั้งนี้ #ทีมขับซ่า ได้รวบรวม 10 อันดับ ล้อแม็กเทพๆ ยุค 90 ที่มีน้ำหนักเบาที่สุด ในขนาดเดียวกัน (หรือใกล้เคียง) อ้างอิงกับล้อไซส์มาตรฐาน ขนาดระหว่าง 15 x 6.5 นิ้ว…ซึ่งล้อรุ่นเดียวกับ ที่มีขนาดต่างกันไป ก็จะมีน้ำหนักที่แปรผันในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นเพียง ล้อแม็กบางแบรนด์ เช่น Prodrive GC010e ที่ล้อขนาดเล็กจะใช้กรรมวิธีการขึ้นรูปแบบ Cast ส่วนล้อที่มีขนาด 17 นิ้ว ขึ้นไป จะใช้การขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Forged ซึ่งจะส่งผลให้ล้อที่มีขนาดใหญ่กว่า มีอัตราส่วนน้ำหนักที่ไม่ต่างกับล้อขนาดเล็กมากนัก
อันดับ | รุ่นล้อแม็ก | ขนาด (นิ้ว) | กรรมวิธีการผลิต | น้ำหนัก (กก.) |
10 | Enkei ES-Tarmac | 15 x 6.5 | Cast | 4.9 |
9 | Weds Sport TC-105N Advan Racing RG Mugen MF10L Racing Hart CP-F | 15 x 6.5 | Forged Cast Forged Forged | 4.8 |
8 | Weds Sport TC-005 | 15 x 6.5 | Forged | 4.6 |
7 | BBS RG F | 15 x 6.5 | Forged | 4.5 |
6 | Racing Firrenze RF-Pro | 15 x 6.5 | Forged | 4.4 |
5 | RS Watanabe F8 | 15 x 6.5 | Cast Magnesium | 4.3 |
4 | Sparco Viper R | 15 x 6.5 | Forged / Spun | 4.1 |
3 | Volk Racing TE37 | 15 x 6.5 | Forged | 4.0 |
2 | Desmond EVO Rega Master (Spoon) SSR Type C Racing Hart CP 035 R | 15 x 6.5 | Forged Forged Forged | 3.9 |
1 | Volk Racing CE28 N | 15 x 6.5 | Forged | 3.7 |
จะเห็นได้ชัดว่า ใน 10 ล้อแม็ก ในยุค 90 ที่มีน้ำหนักที่เบาที่สุด โดยส่วนใหญ่จะใช้กรรมวิธีการผลิตแบบปั๊มขึ้นรูป หรือ Forged โดยจะมีเพียง Sparco Viper R ที่ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบผสมผสาน คือ ตัวก้านปลิตจากการปั๊มขึ้นรูป แล้วมาประกบกับชิ้นวงล้อยึดกันในรูปแบบของล้อ 2 หรือ 3 ชิ้น (โดยปกติล้อทั่วไปแบบชิ้น จะยึดด้วยการยิงหมุดแบบที่เราคุ้นเคย หรือบางรุ่นจะใช้การเชื่อมติดกันเป็นวง) ส่วน “ล้อกล้วย” RS Watanabe F8 เป็นล้อที่ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมด้วยแม็กนีเซียมหล่อ ซึ่งใน 10 อันดับ ด้านบนนั้น มีเพียง Advan Racing RG และ Enkei ES-Tarmac เท่านั้น ที่เป็นล้อหล่อขึ้นรูป แล้วติดอันดับด้วยน้ำหนักต่อวงเพียง 4.9 กก. ในล้อขนาด 15 x 6.5 นิ้ว