ในช่วงสิ้นปีแบบนี้…ได้เวลาที่หลายๆ ท่านกำลังมองหารถคู่ใจคันใหม่มาเพิ่มเติมสำหรับครอบครัวที่มีการขยับขยาย หรือมาทดแทนสำหรับบางท่านที่รถคันเดิมมีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนานและหนักหน่วง ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อรถสำหรับผู้ใช้หลายๆ ท่าน คงหนีไม่พ้น “งบประมาณที่เหมาะสม” เพื่อไม่เป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองแล้วครอบครัวจนเกินไป ด้วยเหตุผลดังกล่าว เป็นที่มาของการที่ #ทีมขับซ่า ได้รวบรวมทางเลือก รวมถึงจุดเด่น – ข้อสังเกต สำหรับรถที่มีระดับราคาไม่เกิน 8 แสนบาท ซึ่งเป็นกลุ่มรถที่ได้รับความนิยมสูงสุด
หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่า ในงบประมาณ 8 แสนบาท นั้น นอกจากรถ City Car แล้ว จะสามารถซื้อรถในรูปแบบอื่นๆ อะไรได้บ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับงบประมาณนี้ ถือว่าค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับการเลือกรถป้ายแดงในหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรถ ในรูปแบบครอสโอเวอร์, รถ 7 ที่นั่ง สำหรับการใช้งานในรูปแบบครอบครัว, รถไฮบริด, รถ EV หรือแม้แต่รถปิคอัพ 4 ประตู ซึ่งฟังดูแล้ว อาจเป็นตัวเลือกที่หลายคนไม่เคยคาดคิดว่าจะสามารถซื้อได้ เรามาไล่ดูกันไปทีละกลุ่มเลยว่า…ระดับราคา 8 แสนบาท นั้น ซื้อรถอะไรได้บ้าง ?
รถ City Car หรือ Eco Car
รถประเภทแรกที่หลายคนจะนึกถึง เมื่อพูดถึงรถยนต์ในระดับราคาไม่เกิน 8 แสนบาท ก็คือ รถในรูปแบบ City Car หรือ Eco Car ที่ถูกวางราคาในระดับที่ไม่สูงมากจนเกินไปนัก โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 5.x แสนบาท ซึ่งต้องยอมรับว่า รถในรูปแบบเริ่มต้นในยุคนี้ ถือว่าให้อุปกรณ์ความปลอดภัย รวมถึงออพชั่นต่างๆ มาให้แบบครบครัน ในงบนี้…สามารถจัดตัวท็อปสำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบ็นซินล้วนๆ ของทุกรุ่นได้แบบสบายๆ (มีเพียง Honda City e:HEV ที่เกินงบไปเล็กน้อย) หรือหากไม่ได้ซีเรียสเรื่องออพชั่นและระบบความปลอดภัยมากจนเกินไปนัก ยังมีทางเลือกในรุ่นกลางๆ ที่ระดับราคาต่ำลง +-1 แสนบาท เป็นตัวเลือกด้วย
รถ MPV หรือ รถครอบครัว 7 ที่นั่ง
หากรถในรูปแบบ 5 ที่นั่ง นั้นไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีครอบครัวขนาดใหญ่ ต้องการความคุ้มค่ากับรถในรูปแบบ 7 ที่นั่ง ก็สามารถทำได้ ในระดับราคานี้ ตัวเลือกยังคงเปิดกว้างสำหรับรุ่นเริ่มต้นของทั้ง Toyota Veloz และ Mitsubishi Xpander ซึ่งแต่ละคันถือว่ามีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ความต้องการของผู้ซื้อ ว่าชอบออพชั่น ความคุ้มค่า ไม่เกี่ยงเรื่องคอสเมติกภ่ยในมากนัก Veloz คือ รถที่ตอบโจทย์ได้น่าสนใจ แต่หากซีเรียสเรื่องดีไซน์การออกแบบ ความประณีต รวมถึงสัมผัสในการขับขี่ที่ดี (เมื่อเทียบกับรถในคลาส) Mitsubishi Xpander ที่เติมงบเพิ่มเข้าไปอีก 4,000 บาท คงไม่ใช่ปัญหา แต่หากเน้นความคุ้มค่าในราคาประหยัด Suzuki Ertiga กับความเป็นรถครอบครัวพันธ์ุแท้ งบเริ่มต้นเพียง 679,000 บาท…ไม่แรงเกินไปสำหรับการเริ่มต้นอย่างแน่นอน
รถ Crossover + Hybrid Crossover
เป็น 2 รุ่น ของรถในสไตล์ครอสโอเวอร์ ที่สามารถซื้อได้ในราคานี้ สำหรับ MG ZS จุดขายสำคัญเน้นเรื่องความคุ้มค่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 6.89 แสนบาท สำหรับรุ่น C+ แต่หากต้องการออพชั่นแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Panoramic Sunroof, ระบบปฏิบัติการ iSmart รุ่น V (หรือ X+ เดิม) ยังคงตอบโจทย์เรื่องความหรูหราและออพชั่นในการใช้งาน ด้วยระดับราคาในงบนี้ หากแต่ต้องยอมรับในเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ยังคงเป็นบล็อคเบ็นซิน 1.5 ลิตร ที่เน้นการใช้งานทั่วไป ในทางกลับกัน…ถ้าต้องการเน้นจุดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีการขับเคลื่อน e-Power เจนเนอเรชั่นที่ 2 การเซ็ตช่วงล่างที่ลงตัว เพื่อความสนุกสนานในการขับขี่เป็นหลัก โดยยังคงความประหยัดสำหรับการใช้งาน Nissan Kicks e-Power ในรุ่น E ยังคงเป็นรถที่อยู่ในงบประมาณ 8 แสนบาท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่เป็นรุ่นเริ่มต้นของไลน์อัพ ระดับออพชั่นก็จะถูกลดทอนลงไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV
รถที่ดูจะมาแรงที่สุดในระดับราคา 8 แสนบาท ในชั่วโมงนี้ คงไม่มีอะไรเกินรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV ที่ใครเลยจะคาดคิดว่า…วันหนึ่งเราจะได้ขับรถไฟฟ้าในระดับราคานี้ ตัวเลือกในปัจจุบันนั้น ถือว่าค่อนข้างเปิดกว้าง เมื่อรถรุ่นต่างๆ ได้รับมาตรการสนับสนุนทำให้ระดับราคาอยู่ในจุดที่จับต้องได้ รวมถึงยังมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่คบเท้าเข้าร่วมทำตลาดกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นค่าย MG, Ora หรือแม้แต่ Neta ซึ่งแต่ละรุ่น ถือว่าทำตลาดในเมืองไทยมาพักใหญ่ ทำให้หลายๆ ท่านคงพอจะทราบจุดเด่นและข้อสังเกตกันไปบ้างแล้ว เอาเป็นว่า…รักใคร ชอบแบรนด์ไหน จิ้มเลือกกันได้ตามสำดวกสำหรับรถกลุ่มนี้
รถปิคอัพ 4 ประตู ยกสูง
ปิดท้ายกับด้วยรถในกลุ่มปิคอัพ 4 ประตู ยกสูง ที่ใครเลยจะคาดคิดว่า จ่ายต่ำกว่า 8 แสน จะมีรถในกลุ่มนี้มาให้เลือกด้วย แต่หากมีข้อแม้เล็กน้อยว่าต้องแลกมาด้วยระบบส่งกำลังในรูปแบบเกียร์ธรรมดาเท่านั้น สำหรับค่าย Ford ถือว่านอนมาด้วย Ford Next Gen Ranger ที่เซ็ตรุ่นย่อย ในระดับราคาที่น่าสนใจ แม้จะเป็นรุ่นที่ราคาไม่สูง แต่มาพร้อมหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ 10 นิ้ว ที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมเครื่องยนต์บล็อค 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ที่ผ่านการพิสูจน์โดย #ทีมขับซ่า มาแล้ว ว่าให้กำลังเพียงพอสำหรับทุกการใช้งาน ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง คือ Mazda BT-50 ขับสอง ยกสูง รุ่น S ที่มีการปรับระดับราคาลงมากว่า 1.6 แสนบาท ช่วยกระตุ้นความ “น่าใช้” ขึ้นมาได้อีกเป็นทวีคูณ ยิ่งเมื่อแชร์พื้นฐานกับแบรนด์ชั้นนำในตลาดปิคอัพแล้ว ถือว่าเรื่องความมั่นใจนั้น…ไม่มีอะไรน่ากังวล
บทความแนะนำ https://www.clubza.tv/บทความแนะนำ
อัพเดทรีวิวรถ https://youtube.com/@clubzatv